โควิดคร่าออสซี่วัย20ปีเศษ เผยอาการทรุดไวไร้โรค-ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

โควิดคร่าออสซี่วัย20ปีเศษ - วันที่ 4 ส.ค. รอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุชายหนุ่มอายุ 20 ปีเศษ เสียชีวิตหลังป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย สร้างความประหลาดใจให้ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขอย่างมาก ขณะที่ปริมาณผู้ติดเชื้อรายวันนั้นยังอยู่ในระดับสูงใกล้สถิติสูงสุดรอบ 16 เดือน

ผู้เสียชีวิตรายนี้ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่เสียชีวิตหลังป่วยเป็นโรคโควิด-19 ในออสเตรเลีย ท่ามกลางมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่เพิ่งขยายเวลาออกไปอีกถึง 28 ส.ค. แม้จะล็อกดาวน์มานานกว่า 1 เดือนแล้วจากการระบาดของเชื้อชนิดกลายพันธุ์เดลต้า (พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย)

ผู้เสียชีวิตนั้นไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ ทราบเพียงว่าเป็นเพศชาย มีอายุ 20 ปีเศษ ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ โดยระยะแรกนั้นมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย แต่ต่อมาอาการกลับทรุดหนักอย่างรวดเร็วและเสียชีวิตในที่สุด พบว่าเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

รายงานระบุว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับปัญหาความล่าช้าในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน โดยผ้เสียชีวิตไม่สามารถรับวัคซีนไฟเซอร์ได้ เนื่องจากรัฐกำหนดไว้ให้บุคคลอายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้น เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ

ขณะที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้นทางการออสเตรเลียเพิ่งเปลี่ยนข้อกำหนดจากเดิมที่ให้เฉพาะบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดที่หายาก มาเป็นอนุญาตให้ฉีดในบุคคลอายุต่ำกว่า 60 ปีแล้ว เนื่องจากการระบาดของเชื้อชนิดกลายพันธุ์เดลต้า

กรณีการเสียชีวิตของชายหนุ่มข้างต้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของประชาชนในนครซิดนีย์ที่เผชิญกับเชื้อชนิดกลายพันธุ์เดลต้า ขณะที่ประชากรกว่า 5 ล้านคนในเมืองนี้มีผู้ได้รับวัคซีนครบโดสไปเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตนั้นป่วยเป็นโรคโควิด-19 ชนิดเดลต้าหรือไม่ แม้จะอยู่ในพื้นที่การระบาดของเชื้อชนิดกลายพันธุ์เดลต้า ถือเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 2 ราย ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งพบผู้ติดเชื้อใหม่ 233 คน

นางกลาดิส เบเรจิกเลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่านี้อีกเพราะยังไม่ถึงช่วงพีก พร้อมยืนยันว่าจะผ่อนปรนมาตรการได้ก็ต่อเมื่อประชากรในเมืองได้รับวัคซีนเกินครึ่งหนึ่ง ท่ามกลางกระแสกดดันอย่างหนัก

แรงกดดันต่อนางเบเรจิกเลียนเกิดขึ้นหลังมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐอื่นๆ ส่งผลให้มีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศต้องถูกล็อกดาวน์ และกำลังทำให้เศรษฐกิจของออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นรอบที่สอง

ทว่า นอกจากปัญหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอแล้ว ทางการออสเตรเลียยังต้องเผชิญกับกลุ่มผู้ไม่ยอมฉีดวัคซีน โดยเฉพาะแอสตร้าเซนเนก้า ที่อาจก่อให้เกิดลิ่มเลือด อันเป็นผลข้างเคียงที่หาได้ยาก ขณะที่การวิเคราะห์ข้อมูลของรัฐบาล พบว่า ประชากรร้อยละ 70 ต้องได้รับวัคซีนจึงจะสามารถชะลอการระบาดของเชื้อชนิดกลายพันธุ์เดลต้าได้

นอกจากนี้ ข้อมูลยังบ่งชี้ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและหนุ่มสาว เพราะเป็นกลุ่มหลักในการแพร่เชื้อ แต่รัฐบาลยังไม่สามารถสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์มาเพิ่มเติมได้