“GBS” คัด 3 หุ้นน่าลงทุน ช่วง Bond Yield ลง
#ทันหุ้น - GBS ประเมินหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายนปรับตัวขึ้นต่อ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชะลอไหลออก อีกทั้งสัญญาณทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณบวกทำให้ SET มีโอกาสรีบาวด์ได้ต่อเนื่อง จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,400-1,480 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน 3 หุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ลดลง ได้แก่ TIDLOR-SAWAD-MTC
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายนปรับตัวขึ้นต่อ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ(Bond Yield) ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชะลอไหลออก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน
อีกทั้งทาง FED มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม 2 ครั้งล่าสุด ขณะที่ผลสำรวจความเห็นนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า FED จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค. เมื่อพิจารณาประกอบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีและต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง และแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 4/2566 ลดลงจาก 2.3% ที่เปิดเผยครั้งก่อน โดยแผ่วลงจากขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ตามลำดับสนับสนุนมุมมองคาดการณ์ FED ยุติการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ขณะเดียวกันบอร์ดอีวีเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ อีวี 3.5 เป็นเวลา 4 ปี คือปี 67-70 โดยรัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถและขนาดของแบตเตอรี่ ระหว่าง 50,000-100,000 บาทต่อคัน โดยจะเสนอให้ ครม. พิจารณาภายใน พ.ย. และครม. เห็นชอบให้ยกเว้นการยื่นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) หรือการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวันเป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน
ด้าน ธปท.ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค. 66 ยังเห็นทิศทางการฟื้นตัว โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ด้านการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวส่งออก จึงคาดการณ์กรอบดัชนีในเดือนพฤศจิกายนที่ 1,400-1,480 จุด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่จะมีผลกับตลาดหุ้นไทย อาทิ วันนี้ 7 พ.ย. ครม. ลดราคาน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ลง 2.5 บาท/ลิตร วันที่ 20 พ.ย. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2566 วันที่ 29 พ.ย. ประชุมกนง. ครั้งที่ 6/2566 ครั้งสุดท้ายของปี วันที่ 30 พ.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 7 พ.ย. จีน รายงานดุลการค้าเดือนต.ค. 8 พ.ย. นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ และนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมประจำปี วันที่ 12-13 ธ.ค. กำหนดการประชุม FED ครั้งสุดท้ายของปี
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนใน 3 หุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ปรับตัวลงซึ่งสะท้อนคาดการณ์ของตลาดว่า FED มีแนวโน้มยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนการเงินของหุ้นกลุ่มการเงินไม่ปรับขึ้นต่อ โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ TIDLOR, SAWAD และ MTC
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมทองคำในเดือนพฤศจิกายน ว่า เดือนนี้ยังคงต้องจับตาสถานการณ์สงครามอย่างต่อเนื่อง หลังอิสราเอลใช้กำลังบุกทางพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา ซึ่งเราคาดว่าสงครามจะยืดเยื้อ เนื่องจากฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสส่วนใหญ่อยู่ในอุโมงค์ใต้ดินทำให้การเจาะเข้าสมรภูมิดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการรบ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าปัจจุบันตลาดรับข่าวสงครามเป็นหลัก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งสามารถกดดันทองคำได้เพียงระยะสั้น โดยราคาทองคำมีแรงรีบาวด์กลับจากเรื่องสงคราม ระหว่างเดือนหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,960$/oz แนะนำ ซื้อ