'ฟูลมูน เกาะพะงัน' คึกคักแน่นหาดกว่า 1 หมื่น ชี้อั้นมา 2 ปีส่งท่องเที่ยวฟื้น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2565 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ หรือฟูลมูนแบล็คทูเดอะรูท (Back to the roots) เมื่อคืนวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณหาดริ้น ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน มีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกว่า 1 หมื่นคน
บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ถนนเส้นทางไปสู่ชายหาด และเต็มตลอดแนวชายหาด ร้านอาหารเครื่องดื่ม ซุ้มเพ้นท์สีลำตัว ร้านขายอุปกรณ์การแต่งกายต่างขายดีคึกคักเป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดทั้งคืนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายวิจารณ์ จุนทวิจิตร นายอำเภอเกาะพะงัน และ พ.ต.อ.ปัญญา นิรัติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน ระดมชุดปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 60 นาย เข้าดูแลรักษาความสงบ โดยยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฝ่ายปกครอง อ.เกาะพะงัน เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2565 เดินทางโดยเรือประมาณ 20,000 คน พักอยู่บนเกาะพะงันประมาณ 10,000 คน อยู่บริเวณหาดริ้น ประมาณ 2,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จงานฟูลมูนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับเรือเร็วเส้นทางเกาะพะงัน-เกาะสมุย-ดอนสัก โดยเรือราชาเฟอร์รี่เกาะพะงัน-ดอนสัก ได้ประกาศเที่ยวเรือเต็มในเที่ยว 08.00 น., 11.00 น., 14.00 น.และ 17.30 น.โดยเสริมเรือเที่ยว 12.30 น.และ 18.30 น. ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกส่วนยังพักท่องเที่ยวต่อบนเกาะ
นายมานพ แซ่เตี่ยว ชาวบ้าน อ.เกาะพะงัน กล่าวว่า ฟูลมูนเกาะพะงัน งดจัดมา 2 ปี แต่เมื่อกลับมามีกิจกรรมจึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมจำนวนมาก แสดงว่าชื่อนี้ยังอยู่ในใจนักท่องเที่ยว ที่มีกำหนดเดินทางมาเยือน และไม่ได้มาเฉพาะงานฟูลมูน แต่ไปท่องเที่ยวที่อื่นๆ ด้วยเกิดการใช้จ่ายเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ซึ่งในไทยไม่มีกิจกรรมใด ที่มีนักท่องเที่ยวบินจากต่างประเทศข้ามน้ำข้ามทะเลมาเองเป็นหมื่นคนแบบนี้ที่มีแห่งเดียวที่เกาะพะงัน โดยไม่ต้องมีอีเวนต์ใหญ่ ไม่ต้องจ้างศิลปินระดับโลกมาดึงคน
“ขนาดประเทศอื่นอย่างสิงคโปร์ยังนำรูปแบบนี้ไปจัด แต่ไม่สำเร็จ เพราะเกาะพะงันมีชายหาดกับแสงจันทร์ที่สวยธรรมชาติเป็นเสน่ห์ในคืนฟูลมูน กับมีแหล่งท่องเที่ยวป่าเขาทะเล ที่ชาวเกาะพะงันต้องช่วยรักษาไว้ ซึ่งงานเมื่อคืนผ่านได้ด้วยดีก็เชื่อว่างานฟูลมูนครั้งหน้าวันที่ 16 พฤษภาคม จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากอีกแน่” นายมานพ กล่าวปิดท้าย