กรมพัฒฯ บิ๊กคลีนนิ่งเกาะพะงัน ลุยปราบนอมินี พบ “สนง.บัญชี-วิลล่าหรู” เข้าข่าย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เดินหน้าปราบปรามธุรกิจนอมินี (Nominee) หรือการใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ล่าสุด นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้มอบหมายให้ หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีฯ ลงพื้นที่ เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ร่วมกับคณะทำงานเฉพาะกิจฯ และหน่วยงานพันธมิตร เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด โดยเน้นย้ำการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย
พบพฤติการณ์น่าสงสัยใน 2 กลุ่มธุรกิจ
ผลการตรวจสอบของคณะทำงานเฉพาะกิจฯ พบธุรกิจที่มีลักษณะต้องสงสัยเกี่ยวกับการใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติใน 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่:
1. สำนักงานบัญชี โดยพบว่าเจ้าของสำนักงานบัญชีแห่งนี้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในนิติบุคคลถึง 66 บริษัท และจากการตรวจสอบเป้าหมาย 3 จุดที่มีความเชื่อมโยงกับเจ้าของสำนักงานบัญชี (อาคารพาณิชย์ 2 แห่ง และบ้านพัก) พบว่าอาคารพาณิชย์ที่เข้าตรวจสอบเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลรวมกันถึง 89 แห่ง แต่ไม่ปรากฏการประกอบธุรกิจจริงในบางห้อง จึงได้ตรวจยึดเอกสารและคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบว่ามีการใช้คนไทยเป็นนอมินีหรือไม่ กรมฯ ได้เรียกเจ้าของสำนักงานบัญชีและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์: ตรวจค้น โครงการก่อสร้างอาคารวิลล่า พบว่าเป็นวิลล่าหรู 8 หลัง เปิดให้เช่าแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในราคาสูงถึงคืนละ 13,000 บาท โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญผู้ดูแลโครงการและนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ราย ไปสอบสวนเพิ่มเติม ที่น่าสงสัยคือ ข้อมูลการถือครองที่ดินของโครงการวิลล่าดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 152 ล้านบาท โดยมีบริษัทสัญชาติไทย 2 แห่งถือครอง แต่กลับมีผู้ถือหุ้นชาวอิสราเอลในสัดส่วนร้อยละ 49 และมีการเพิ่มบริษัทสัญชาติอิสราเอลเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1 บริษัท ซึ่งอาจเข้าข่ายการซื้อขายเพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษีและการถือหุ้นอำพรางเข้าข่ายเป็นนอมินี
เดินหน้าปราบปรามต่อเนื่อง ย้ำห้ามเด็ดขาดต่างชาติห้ามถือครองอสังหาฯ
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการซื้อขายที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยเด็ดขาด ส่วนธุรกิจให้เช่าหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ คนต่างด้าวต้องได้รับอนุญาตก่อน การใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติถือเป็นการบิดเบือนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน
กรมฯ จะดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และขยายผลไปยังนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายครอบครองธุรกิจของชาติอย่างไม่ถูกต้อง
การลงพื้นที่ครั้งล่าสุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการปราบปรามธุรกิจนอมินีอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม 2568 กรมฯ ได้ตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ที่มีธุรกิจกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และพบผู้ถือหุ้นคนไทย 5 ราย ที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในหลายบริษัทรวม 256 บริษัท ใน อ.เกาะพะงัน รวมถึงกรณีที่ตั้งสำนักงานซ้ำกันกว่า 100 บริษัท การปฏิบัติการร่วมกับพันธมิตรนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการกำกับดูแลธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
