รีเซต

วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ สธ.ย้ำความสำคัญโรคร้าย

วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ สธ.ย้ำความสำคัญโรคร้าย
TNN Health
10 ธันวาคม 2564 ( 15:13 )
115
เนื่องในวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เชิญชวนคนไทยร่วมต้านภัยโรคมะเร็ง
 
 
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรมศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2511 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารดำรงนิราดูร สถาบันมะเร็งแห่งชาติ หน่วยงานของรัฐบาลในสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ถือเอาวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็น “วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ” มาโดยตลอด โดยมีสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลมะเร็งภูมิภาค 7 แห่งทั่วประเทศของกรมการแพทย์ เป็นหน่วยงานหลักที่ให้บริการด้านการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็ง
 
 
ปัจจุบันโรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและมีแนวโน้มอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ 139,206 คนต่อปี และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 84,073 คนต่อปีโดยโรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรกในคนไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งปากมดลูก
 
 
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลายคนเห็นสถิติแล้วมีความกังวลว่าตนเองหรือครอบครัวจะโชคร้ายเป็นโรคมะเร็ง แต่ในความเป็นจริงเราสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงการป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการได้รับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติเรื้อรังของร่างกายจากสัญญาณเตือน 7 ประการ ได้แก่ ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง เป็นแผลเรื้อรัง ร่างกายมีก้อนตุ่ม กลืนกินอาหารลำบาก ทวารทั้งหลายมีเลือดไหล ไฝหูดเปลี่ยนไป ไอและเสียงแหบเรื้อรัง จะช่วยให้รู้ตัวและสามารถพบแพทย์ได้เร็วส่งผลให้การรักษาได้ผลดี
 
 
นอกจากนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่ามะเร็งบางชนิดสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ซึ่งการค้นพบโรคตั้งแต่ระยะแรกหรือระยะก่อนเป็นมะเร็งจะทำให้การรักษาได้ผลดีมีโอกาสหายจากโรคสูง
 
ที่มา: กรมการแพทย์
 

ติดตาม TNN Health ได้ที่นี่ FB https://www.facebook.com/TNNHealth

ข่าวที่เกี่ยวข้อง