WTO เตือนการค้าโลกอาจทรุดหนักสุดนับแต่โควิด

อึงโกซี อะโคนโจ-อิเวลา ผู้อำนวยการใหญ่ WTO กล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ นครเจนีวาว่า เธอมีความกังวลอย่างยิ่ง และการหดตัวของการค้าสินค้าทั่วโลกเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างใหญ่หลวง
WTO ประเมินว่า หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำอัตราภาษีศุลกากรในวงกว้างกลับมาบังคับใช้อีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ จะฉุดให้การเติบโตของการค้าสินค้าโลกลดลงราว 0.6 จุดเปอร์เซ็นต์ และอาจลดลงอีก 0.8 จุดเปอร์เซ็นต์ จากผลกระทบต่อเนื่องที่ขยายวงกว้างนอกเหนือไปจากการค้าที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ โดยตรง เมื่อรวมผลกระทบทั้งสองส่วนนี้ อาจทำให้การค้าโลกหดตัวถึง 1.5% ซึ่งจะเป็นการทรุดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563
อะโคนโจ-อิเวลา กล่าวเสริมว่า หากการค้าสินค้าโลกหดตัว สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบที่จะลุกลามไปสู่การเติบโตของ GDP โดยรวม หลังจากได้เห็นกันแล้วว่า ความกังวลด้านการค้าสามารถส่งแรงกระเพื่อมเชิงลบไปยังตลาดการเงิน และภาคส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจในภาพรวมได้ พร้อมทั้งแสดงความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศกำลังพัฒนา
อย่างไรก็ตาม WTO ย้ำว่า ลักษณะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในช่วงหลังนี้ ทำให้การคาดการณ์ต่าง ๆ ควรได้รับการตีความด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าปกติ ทั้งนี้ WTO ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเล็กน้อยราว 2.5% ในปี 2569
ทั้งนี้ แม้การค้าภาคบริการจะไม่ได้ถูกเก็บภาษีศุลกากรโดยตรง แต่ WTO ชี้ว่าจะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากอุปสงค์ที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าสินค้า เช่น บริการขนส่งและโลจิสติกส์ จะลดลง ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่แน่นอนในภาพรวมอาจบั่นทอนการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
WTO คาดการณ์ว่า การค้าในภาคบริการเชิงพาณิชย์จะเติบโต 4.0% ในปี 2568 และ 4.1% ในปี 2569 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานเดิมที่ 5.1% และ 4.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามการหยุดชะงักของการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าของจีนไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 4%-9% ขณะเดียวกัน ประเทศอื่น ๆ ก็จะมีโอกาสเข้ามาแทนที่จีนในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาดสินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์ไฟฟ้า