สื่อสหรัฐฯ กระตุ้นชาวอเมริกัน สวมหน้ากากอนามัย 'เพื่อประโยชน์ส่วนรวม'
นิวยอร์ก, 4 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.) หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ของสหรัฐฯ รายงานว่าหลังจากเผชิญการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มานานกว่า 18 เดือน ยังมีชาวอเมริกันส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับเสรีภาพส่วนบุคคลมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม ด้วยการปฏิเสธการสวมหน้ากากอนามัยหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
นักสังคมวิทยา นักวิชาการด้านกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข และนักปรัชญา ต่างสงสัยว่าเมื่อไรประชาชนกลุ่มนี้จะยอมจำกัดสิทธิส่วนบุคคลเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตอีกกี่คน จึงจะสามารถเปลี่ยนใจชาวอเมริกันกลุ่มนี้ได้
"ทุกวันนี้มีชาวอเมริกันหลายล้านคนปฏิเสธการฉีดวัคซีนทั้งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ รวมถึงยืนกรานต่อต้านข้อจำกัดของรัฐบาล" หนังสือพิมพ์ระบุ
"ชาวอเมริกันอีกฝ่ายแย้งว่าผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันกำลังละเมิดสิทธิของพวกเขาอยู่ ด้วยการคุกคามเสรีภาพในการใช้ชีวิตของประชาชนทุกคนที่เข้าใกล้"
เมื่อวันอาทิตย์ (1 ส.ค.) แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อแถวหน้าของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขารู้สึก "ผิดหวังอย่างมาก" ต่อสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน โดยสหรัฐฯ อยู่ใน "สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยไม่จำเป็น" ขณะที่ยอดผู้ป่วยพุ่งสูง และปัจจุบันสหรัฐฯ กำลัง "เดินผิดทาง"