ผงะ!ราคาน้ำมันโลกติดลบครั้งแรก หวั่นกระเทือนลงทุนทั่วเอเชีย
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยตลาดการเงิน บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 21 เมษายน อยู่ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบเงินบาทวันนี้ 32.40-32.60 บาทต่อดอลลาร์
โดยประเด็นน่าสนใจที่สุดในคืน 20 เมษายนที่ผ่านมา คือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลงไปซื้อขายในระดับติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากความกังวลว่าในสหรัฐจะไม่มีสถานที่ใช้กักเก็บน้ำมันดิบเพียงพอ และกำลังการผลิตไม่สามารถลดลงได้ทันท่วงที
การเคลื่อนไหวดังกล่าว กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง 1.79% นำโดยกลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวลงมาที่ระดับ 0.60% เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าภาพความผันผวนของราคาน้ำมันนี้ จะส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ของหลายบริษัทตามมา โดยบอนด์ยีลด์อิตาลีได้รับผลกระทบแรงที่สุดและปรับตัวขึ้น 14bps แตะระดับ 1.93% สูงที่สุดในรอบหนึ่งเดือน
ฝั่งของตลาดเงิน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกกับดอลลาร์สหรัฐมากที่สุด โดยสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันอย่างดอลลาร์แคนาดา (CAD) ปรับตัวลดลง 0.88% ขณะที่ในภาพใหญ่สกุลเงินที่อ่อนค่าลงมากที่สุด คือรูเบิลรัสเซีย (RUB) และเรอัลบราซิล (BRL) ที่ร่วงลงถึง 2.06% และ 1.54% จากช่วงสิ้นวันศุกร์
สำหรับการลงทุนในเอเชียและเงินบาท วันนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกกดดันไปด้วย เนื่องจากประเทศในกลุ่ม Emmerging Markets มีสัดส่วนในกลุ่มพลังงานสูง
อย่างไรก็ดี ในมุมของเศรษฐกิจไทย การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันอย่างรวดเร็วนี้ น่าจะส่งผลบวกต่อจีดีพีในระยะสั้นเนื่องลดการนำเข้า และทำให้เกิดการเกินดุลบัญชีการค้า แต่ในระยะยาวก็ประมาทไม่ได้ เนื่องจากถ้าไม่สามารถกลับมาเปิดเมืองได้ ก็จะไม่ได้รับอานิสงส์ในจุดนี้ สวนทางกับการลงทุนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่จะชะลอตัวลงในอนาคต
แม้ประเทศส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเพื่อการบริโภค แต่ในช่วงนี้ยังติดปัญหาการปิดเมือง ซึ่งทำให้ไม่ได้รับประโยชน์โดยตรง สวนทางกับการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของประเทศ และด้วยระดับราคาต่ำขนาดนี้ อนาคตการลงทุนจะลดลงแน่นอน
ส่วนกองทุนน้ำมัน โอกาสกลับมาได้ก็มีอยู่ ถ้าสหรัฐสามารถยกเลิกการปิดเมืองได้เร็ว แต่เชื่อว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันน่าน่าสนใจกว่าเพราะทั้งความผันผวนต่ำกว่า แต่อ้างอิงปริมาณการบริโภคในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน