รีเซต

SET ยังไม่น่าไว้ใจ! นักวิเคราะห์ชี้การเมืองกดดัน แนะพักลงทุนในประเทศ

SET ยังไม่น่าไว้ใจ! นักวิเคราะห์ชี้การเมืองกดดัน แนะพักลงทุนในประเทศ
TNN ช่อง16
13 มิถุนายน 2568 ( 14:45 )
7

คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (13 มิ.ย. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในระยะสั้นยังคงเปราะบางและมี Upside ที่จำกัดมาก โดยมีปัจจัยกดดันหลักจาก ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ทั้งกรณีของคุณทักษิณ (18 มิ.ย.) และความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทำให้หุ้นกลุ่ม Domestic Play อ่อนแอกว่าตลาด ประเมินดัชนีมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,120 จุด หรืออาจลงไปปิด Gap ที่ 1,090 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ให้ พักการลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ไปก่อน และหันมาโฟกัสที่กลุ่ม Global Play ซึ่งได้ประโยชน์จากปัจจัยภายนอก โดยชู PRM (พริมา มารีน) เป็นหุ้นเด่นที่น่าสนใจ

SET Index เผชิญแรงกดดันรอบด้าน - การเมืองปัจจัยหลัก

คุณณัฐพลวิเคราะห์ว่า แม้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 มิ.ย.) จะได้หุ้นกลุ่มพลังงานช่วยพยุงไว้จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง แต่ภาพรวมยังคงน่ากังวล "Upside ยังค่อนข้างจำกัด" โดยปัจจัยกดดันสำคัญคือ:

  1. ความไม่แน่นอนทางการเมือง: ตลาดกำลังรอความชัดเจนในกรณีของคุณทักษินในวันที่ 18 มิ.ย. และการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากกระบวนการยืดเยื้อ จะเป็นปัจจัยที่กดดัน (Overhang) ตลาดต่อไป
  2. ความตึงเครียดชายแดน: ประเด็นความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน (ไทย-กัมพูชา) ทำให้ Country Risk Premium ของไทยสูงขึ้นในสายตานักลงทุนต่างชาติ

"ตลาดหุ้นไทย...เราต้องรอความชัดเจนเรื่องของปัจจัยการเมืองจริงๆ...เงินที่ไหลเข้ามา ก็คงจะเข้ามาชั่วคราวแล้วก็มีสลับออกไป ทิศทางคงไม่ได้ชัดเจน" คุณณัฐพลกล่าว

ทางเทคนิค ดัชนี SET กำลังทดสอบแนวรับ 1,118 จุด หากหลุดระดับนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะลงไปปิด Gap ที่บริเวณ 1,090 จุด

กลยุทธ์ลงทุน: พัก Domestic - ลุย Global Play ชู PRM เด่น

จากภาวะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่เอื้ออำนวย บล.หยวนต้า แนะกลยุทธ์ปรับพอร์ตโดย:

  • พักการลงทุนในกลุ่ม Domestic Play: หุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ค้าปลีก, การแพทย์, สื่อสาร, อาหารเครื่องดื่ม จะยังคง Underperform จนกว่าการเมืองจะนิ่งและรัฐบาลสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณได้
  • เน้นลงทุนในกลุ่ม Global Play:เป็นกลุ่มที่น่าจะคาดหวังผลประกอบการไตรมาส 2 ได้ดีกว่า และได้ประโยชน์จากสถานการณ์โลก
    • หุ้นเด่นที่แนะนำคือ PRM (พริมา มารีน):เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
      • เหตุผล: หากความตึงเครียดทำให้เกิดการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันหลัก จะทำให้ค่าระวางเรือและค่าประกันสูงขึ้น ความต้องการเรือเพื่อจัดเก็บน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงกับ PRM
      • ปัจจัยบวกเฉพาะตัว: มีโครงการซื้อหุ้นคืนซึ่งช่วยพยุงราคา (ราคาซื้อคืนเฉลี่ย ~8 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบัน), คาดการณ์ผลประกอบการ Q2/68 จะออกมาสวย และ Valuation ไม่แพง (P/E ~6 เท่า, ปันผล ~8%)

"เป็นทางเลือกสำหรับคนที่วันนี้อาจจะเก็งกำไรกลุ่มพลังงานต้นน้ำไม่ทัน...พรีมา มารีน เนี่ยยังเป็นลักษณะเคลื่อนไหวทรงตัวอยู่" คุณณัฐพลกล่าว

ทิศทางดอกเบี้ย และ Fund Flow

  • กนง. (ไทย): คาดว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมปลายเดือนมิถุนายน (25 มิ.ย.) และอาจจะคงไปจนถึงช่วงที่ผู้ว่าการ ธปท. ท่านใหม่เข้ามารับตำแหน่ง (หลัง ก.ย.) เนื่องจากได้ลดไปแล้ว 2 ครั้งและต้องการเก็บกระสุนไว้
  • เฟด (สหรัฐฯ): คาดว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 18 มิ.ย. เช่นกัน
  • Fund Flow: การไหลเข้าของ Fund Flow ต่างชาติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ การเมืองไทยมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง