ย้อนรอยอุบัติเหตุถนนพระราม 2 เมื่อเส้นทางสายหลักกลายเป็นจุดเสี่ยง
ถนนพระราม 2 เป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของประเทศไทย เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับภาคใต้ รองรับทั้งการเดินทางของผู้คนและการขนส่งสินค้าด้วยปริมาณการจราจรที่หนาแน่นกว่า 150,000 คันต่อวัน อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเส้นทางนี้กลับมาพร้อมกับประวัติการเกิดอุบัติเหตุที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างและปรับปรุงถนนมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ปี จนได้รับสมญานามว่า "ถนนเจ็ดชั่วโคตร" เนื่องจากการก่อสร้างที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
เหตุการณ์ล่าสุด คานเหล็กถล่มสร้างความสูญเสีย
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 04.13 น. เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจบนถนนพระราม 2 บริเวณหน้าศูนย์นิสสันสมุทรสาคร คานเหล็กจากการก่อสร้างยกระดับพังถล่มลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 8 ราย เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นช่องทางจราจรด่วนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน พร้อมระดมกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียต่อครอบครัวของผู้ประสบเหตุ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขบนเส้นทางสายนี้
สถิติที่น่ากังวล อุบัติเหตุถนนพระราม 2
ข้อมูลจากกรมทางหลวงเผยว่า ระหว่างปี 2561 ถึงมกราคม 2567 ถนนพระราม 2 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นถึง 2,242 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 132 ราย และบาดเจ็บ 1,305 ราย โดยปี 2561 มีจำนวนอุบัติเหตุสูงสุดถึง 491 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิต 38 ราย แม้ว่าปี 2566 จำนวนอุบัติเหตุจะลดลงเหลือ 263 ครั้ง แต่ความรุนแรงของแต่ละเหตุการณ์กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
อุบัติเหตุจากการก่อสร้าง ปัญหาที่เกิดซ้ำซาก
เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างสำคัญในปี 2565-2566 ได้แก่
8 พฤษภาคม 2566: แท่นปูนหล่นทับคนงานเสียชีวิต 1 ราย รถเสียหาย 4 คัน
22 มกราคม 2566: แผ่นปูนขนาดใหญ่ร่วงใส่รถประชาชนบริเวณถนนคู่ขนานสะแกงาม
7 มีนาคม 2566: เครนล้มขวางถนนจากอุบัติเหตุขณะยกรถแบ็กโฮ
31 กรกฎาคม 2565: แผ่นปูนสะพานกลับรถน้ำหนัก 5 ตัน หล่นทับรถหลายคัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
อุบัติเหตุในงานก่อสร้าง เสนอแต่งตั้ง "ผู้ตรวจอิสระ" ป้องกันเหตุซ้ำรอย
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยระบุว่า หลักเกณฑ์ทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องมีความครบถ้วน แต่ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติและการกำกับดูแลที่อาจไม่เข้มงวดพอ พร้อมเสนอแนวทางการแก้ไขด้วยการแต่งตั้ง "ผู้ตรวจอิสระ" เพื่อสุ่มตรวจสอบมาตรฐานในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ โดยผู้ตรวจดังกล่าวควรมีอำนาจเต็มในการเข้าไปตรวจสอบการดำเนินงาน และยืนยันว่ามีวิศวกรควบคุมโครงการตามมาตรฐานหรือไม่
นอกจากนี้ ศ.ดร.อมร ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนการก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยง เช่น ถนนหรือชุมชนหนาแน่น โดยเสนอให้หลีกเลี่ยงการก่อสร้างในช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น หรืออาจจำเป็นต้องปิดถนนเพื่อความปลอดภัย "ผู้มีอำนาจอนุมัติควรประเมินความเสี่ยงในแต่ละขั้นตอน หากพบว่ามีความเสี่ยงอันตรายสูง ควรเลื่อนการดำเนินงานไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น กลางคืน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ" นายกสมาคมฯ กล่าว พร้อมเน้นว่าการป้องกันต้องมาพร้อมกับความร่วมมือและการบังคับใช้มาตรฐานอย่างจริงจัง
ความปลอดภัยคือความรับผิดชอบร่วมกัน
เหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำซากบนถนนพระราม 2 สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบที่ต้องการการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการควบคุมมาตรฐานการก่อสร้าง การกำกับดูแล และการประเมินความเสี่ยงในแต่ละขั้นตอน ความสูญเสียทางชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ควรถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดที่เลี่ยงไม่ได้ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง—ทั้งภาครัฐ ผู้รับเหมา วิศวกร และประชาชน—ร่วมมือกันเพื่อยกระดับความปลอดภัย
การลงทุนในมาตรการป้องกัน เช่น การแต่งตั้งผู้ตรวจอิสระ การวางแผนก่อสร้างอย่างรัดกุม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในอนาคต แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนที่ต้องใช้ถนนสายสำคัญนี้ในทุกๆ วัน เพราะสุดท้ายแล้ว ความปลอดภัยไม่ใช่แค่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญอย่างสูงสุด
ภาพ Fire & Rescue Thailand / ธน68-22 / ตำรวจทางหลวง