รีเซต

อัยการแฉคดีลูกจ้างโกง 40 ล้าน พบพิรุธมีวิ่งเต้นตัดตอน ปล่อยบิ๊ก ขรก. ลอยนวล

อัยการแฉคดีลูกจ้างโกง 40 ล้าน พบพิรุธมีวิ่งเต้นตัดตอน ปล่อยบิ๊ก ขรก. ลอยนวล
มติชน
25 กันยายน 2563 ( 14:14 )
83

อัยการแฉสำนวนคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบฯโกง 40 ล้าน พบพิรุธมีวิ่งเต้นตัดตอนจับผู้ต้องหาเพียง 3 ราย ปล่อยบิ๊กข้าราชการลอยนวล

 

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิด 165 ครั้ง ต่อมาพนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงครามมีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เนื่องจากครบกำหนดฝากขังครั้งละ 12 วัน จำนวน 7 ผัด รวม 84 วัน

 

ความคืบหน้า วันที่ 25 กันยายน พ.ต.อ.เจริญ ชลประเสริฐ หัวหน้าพนักงานสอบสวนตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท. อัครวัฒน์ ไชยขวัญ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีคำสั่งเชิญตัวนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชี ชำนาญการ สำนักงานจังหวัด ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม ตามที่พนักงานอัยการคดีทุจริตฯสั่งให้สอบปากคำเพิ่มเติม ภายหลังถูกแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยนางประชิตได้มอบอำนาจให้ทนายความ เลื่อนการให้ปากคำ

 

จากนั้นได้เรียกตัวสามีนอกสมรสของ น.ส.ขนิษฐา ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวในสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาให้ปากคำ เนื่องจากพบว่ามีการโอนเงินจากการทุจริตเข้าบัญชีสามีนอกสมรส โดยพนักงานอัยการคดีทุจริตฯได้ทำการทักท้วง หลังจากพบว่าสำนวนการสอบสวนไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และสั่งให้สอบพยานเพิ่มอีกหลายรายรวมทั้งสอบปากคำนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรง

 

มีรายงานว่า ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าสังเกตการณ์ในระหว่างการทำคดี เนื่องจากทราบว่าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนางประชิต ผู้ต้องหาคนสำคัญ มาสอบปากคำเพียงครั้งเดียวและใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที และอนุญาตให้ปล่อยตัว ขณะที่สามีนอกสมรสยังทำหน้าที่ตามปกติ ทำให้ พ.ต.อ.เจริญ แสดงอาการหงุดหงิดขับไล่สื่อมวลชนออกจากห้องสอบสวน โดยระบุว่า การนำเสนอข่าวทำให้เกิดความวุ่นวายในคดีดังกล่าว

 

ด้าน แหล่งข่าวระดับสูงจากพนักงานอัยการ ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาจำเลยที่ 1 น.ส.ขนิษฐาชั่วคราว ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 โดยใช้ระบบไต่สวน แม้ว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ แต่สาเหตุเกิดจากพนักงานสอบสวน ทำสำนวนไม่รัดกุม และตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการตัดตอนเพื่อให้มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเหลือเพียง 3 ราย โดยไม่เชื่อมโยงปัญหาการทุจริตที่มีวงเงินงบประมาณจำนวนมากเพื่อให้ข้าราชการระดับสูงแสดงความรับผิดชอบ

 

“โดยเฉพาะหัวหน้าสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลระบบการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งหมดและไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวให้มีความผิดในคดีอาญา ไม่สอบปากคำผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งไม่นำผลสรุปการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดรวมในสำนวน และที่ผ่านมามีความพยายามวิ่งเต้นจากเจ้าหน้าที่บางฝ่าย เพื่อขอให้พนักงานอัยการเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้อง แต่เมื่อพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานแล้ว การสำนวนยังหละหลวม หากนำไปพิจารณาคดีในระบบไต่สวนจะมีปัญหา” แหล่งข่าว กล่าว

 

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดที่มีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธานสอบสวน ได้ขอต่ออายุการสอบสวนจากผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เนื่องจากติดขัดในการติดตามข้อมูลในระบบการเงิน ทำให้ต้องใช้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในระบบคอมพิวเตอร์จากหน่วยงานในส่วนกลาง และหลังจากมีการสรุปข้อเท็จจริง จังหวัดได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและการรับผิดทางละเมิด

 

“สำหรับการสอบข้อเท็จจริงที่มีความล่าช้า มีปัญหาจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือและเข้าข่ายโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย หลังจากปล่อยให้มีการเบิกจ่ายเช็คที่มีการลงลายมือชื่อปลอมของผู้มีอำนาจสั่งจ่าย และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงการพิจารณาแต่งโยกย้ายในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ อาจทำให้คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ ล่าช้า เนื่องจากหัวหน้าสำนักงานจังหวัดคนปัจจุบัน มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด หากยังไม่ถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัยจากความบกพร่องและประมาทเลินเล่อในการกำกับการทำหน้าที่ควบคุมระบบการเงินในหน่วยงาน” แหล่งข่าวกล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง