ปัญหาที่รอแก้ไข 'ไฟป่าลำปาง' ต้นเหตุฝุ่นพิษ
ลําปาง เป็นหนึ่งในจังหวัดของภาคเหนือที่เผชิญปัญหาไฟป่าและฝุ่นหมอกควันมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2564 ถือว่าเป็นจังหวัดแรกของภาคเหนือตอนบน อันเนื่องจากการรุกป่า ทั้งการล่าสัตว์ และหาของป่า ก่อนที่จะจุดไฟเผา ทำให้เกิดไฟลามลุกไหม้ออกไปเป็นบริเวณกว้าง ถึงแม้ทางจังหวัดจะมีการเตรียมแผนป้องกัน และแก้ไขปัญหา แต่ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคนเข้าป่าแล้วเผาได้ ทำให้ปัญหาไฟป่ายังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้
ยิ่งปีนี้ เจออากาศแล้งและแห้งเร็วมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ผ่านมา จากสภาพอากาศในพื้นที่ จ.ลำปาง ที่หนาวต่อเนื่อง และหนาวยาวนาน ถึงแม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศสิ้นสุดฤดูหนาว และประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 แต่พื้นที่ จ.ลำปาง ในตอนเช้ามืด และเช้าตรู่ ยังหนาวอยู่ อุณหภูมิเฉลี่ย 17-19 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้สภาพพื้นที่เกิดความแห้งและแล้งลง โดยเฉพาะตามผืนป่ามีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ และเศษวัชพืช ร่วงหล่นอยู่เต็มพื้นที่ จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี หากใครเผา ก็จะลามไหม้ออกไปอย่างรวดเร็ว และกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง
เมื่อมีเศษกิ่งไม้แห้งต่างๆ อยู่ในผืนป่า จึงไม่สะดวกมากนักของคนที่เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์หรือหาของป่า เพราะยากแก่การเดิน หรือสัตว์ป่าที่จะเข้ามาในจุดที่ดักซุ่มหรือจุดที่ล่า ฉะนั้น จึงต้องไล่เผาเพื่อเปิดทางเดิน บางคนก็เผาเพื่อไล่สัตว์ป่าที่อยู่อีกด้านของป่า เพื่อให้วิ่งมาในจุดที่ต้องการล่า ด้วยการยิง หรือวางกับดักไว้ ส่งผลให้ไฟที่จุด ได้ลามออกไปคนละทิศทาง
ส่งผลต่อสภาพอากาศในพื้นที่ จ.ลำปาง ทันที คนจุดไม่นึกถึงผลกระทบที่จะตามมาในภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนักในการเข้าควบคุม เพื่อดับไฟแค่ไหน
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผลต่อการทำให้คนเข้าป่ามากขึ้น ทั้งมาจากปัจจัยที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทั้งจากรายได้ไม่ดีนัก และเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจากของป่า โดยเฉพาะไก่ป่าหรือหมูป่าและกระรอก ที่นำมาขายเนื้อได้ ให้ได้เงินไปใช้เลี้ยงชีพ
ผืนป่าถือว่าเป็นแหล่งอาหารของชีวิตมาตั้งแต่อดีต ตามวิถีชีวิตของคน ที่หากไม่มีอะไรกิน หรือไม่มีงานทำก็เข้าป่าเพื่อหาของป่ามาประทังชีวิต
ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดูแลรับผิดชอบในการดำเนินงานป้องกัน และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ กล่าวว่า ปีนี้เราไม่ได้สู้กับไฟป่าแต่เราสู้กับคนเข้าป่าแล้วจุดไฟเผา ที่ผ่านมาเราทำงานเมื่อพบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นที่ไหนตามพิกัดดาวเทียม ที่ตรวจพบก็จะเข้าควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว ด้วยการดับ เมื่อดับจุดนี้แล้ว จุดอื่นก็เกิด ฉะนั้น ดับเท่าไรก็ไม่หมด เมื่อมีคนจุดเรื่อยๆ ดังนั้น จึงมีการเพิ่มมาตรการป้องกันด้วยการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกหน่วย สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อออกเดินลาดตระเวนในผืนป่าที่สำคัญ และตามทางเข้าป่า เพื่อตรวจสอบว่าใครเข้าป่า มาทำอะไร หากเจอว่าใครล่าสัตว์ป่าหรือจงใจจุดไฟเผาป่า ก็ให้จับกุมและดำนินคดีตามกฎหมายทันที
“เรามองว่า ขณะนี้พื้นที่การเกษตร ริมถนน และตามชุมชน และหมู่บ้าน การเผาลดน้อยลงมาก ไม่ได้เป็นปัญหาการเผาเหมือนในอดีต แต่ปัญหากลับมาอยู่ในเขตป่าแทน ทั้งป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ แล้วเราก็ตั้งคำถามขึ้น ใครล่ะที่เผา ก็ต้องเพ่งเล็งไปยังคนเข้าป่า เพื่อล่าสัตว์และหาของป่าก่อน รวมถึงกลุ่มคนที่บุกรุกแผ้วถาง ตลอดจนการลักลอบเข้าไปกระทำความผิดตัดไม้ทำลายป่า ดังนั้น จึงต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหาร พร้อมอาวุธครบมือ ลาดตระเวนดูผืนป่า ถึงแม้จะไม่ครอบคลุม เพราะลำปางมีผืนป่ามากกว่า 1,500,000 ไร่ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ดูแลมีน้อย แต่ก็ต้องป้องกันเท่าที่จะทำได้”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกล่าวอีกว่า ในปี 2564 จากการเฝ้าระวังและติดตามการเกิดจุดความร้อน หรือฮอตสปอต ตามภาพถ่ายดาวเทียม ที่ทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า รายงานเข้ามา พบว่าระหว่างวันที่ 1 มกราคม-7 มีนาคม 2564 จ.ลำปาง มีจุดฮอตสปอตสะสม จำนวน 4,428 จุด พบมากในเขตป่าสงวน 2,072 จุด เขตป่าอนุรักษ์ 1,630 จุด เขตพื้นที่ ส.ป.ก. 266 จุด เขตชุมชน และหมู่บ้าน 143 จุด พื้นที่การเกษตร 128 จุด และตามถนนทางหลวง 9 จุด
จะเห็นว่า พื้นที่ป่าริมถนนตามชุมชน หมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตร น้อยมาก หากเทียบในผืนป่า แต่หากดูจากสถิติเมื่อปี 2563 จำนวนจุดความร้อนในปี 2564 น้อยกว่าปีก่อน หากเทียบในช่วงเดียวกัน ถือว่าน้อยลงกว่าปีก่อนๆ ประมาณ 1,000 จุด ฉะนั้น การดำเนินงานในปีนี้ ทางจังหวัดถือว่ายังเป็นที่น่าพอใจ ที่ทำให้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าลดลงไปได้บ้าง ถึงแม้จะยังไม่หมดไป
ในช่วง 61 วัน ที่มีการเฝ้าระวัง และเป็นตัวชี้วัดของภาครัฐว่า สถานการณ์ฝุ่นหมอกควันและไฟป่าในปีนี้ของ จ.ลำปาง จะเป็นอย่างไร ทางว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้สั่งการให้หน่วยงานป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บูรณาการทำงานร่วมกัน ในการตรวจสอบ และดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนรุกป่าและจุดไฟเผาป่า หากพบให้จับกุม สอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่มีการละเว้น เนื่องจากในช่วงนี้ ตั้งแต่ 1 มีนาคม-30 เมษายน 2564 เป็นช่วงห้ามเผาโดยเด็ดขาด รวมถึงให้เพิ่มความเข้มในการลาดตระเวนผืนป่า จะมีกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ได้จัดชุดปฏิบัติการออกเดินลาดตระเวนป้องกันรักษาป่า โดยเฉพาะเขตป่าเทือกเขาดอยพระบาท ซึ่งเป็นผืนป่าสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวเมือง ไม่ให้เกิดไหม้ เพราะหากเกิดไฟไหม้ขึ้น จะทำให้ฝุ่นเผาไหม้ฟุ้งเต็มเมืองทันที
นี่คือ สถานการณ์ล่าสุดของไฟป่าที่ยังคงเกิดขึ้นทุกปี ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด