รีเซต

สมุนไพรไทย หาง่าย ปลอดภัย ราคาถูก ใช้อย่างไรในยุคโควิด-19

สมุนไพรไทย หาง่าย ปลอดภัย ราคาถูก ใช้อย่างไรในยุคโควิด-19
มติชน
8 กันยายน 2564 ( 11:34 )
78
สมุนไพรไทย หาง่าย ปลอดภัย ราคาถูก ใช้อย่างไรในยุคโควิด-19

ในเวลาที่โควิด-19 กำลังระบาดหนัก หลายคนต่างมองหาตัวช่วยในการป้องกันตัวเองจากไวรัส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เจ็บป่วย หนึ่งในนั้นที่คนไทยหันมาให้ความสนใจ คือ การรับประทานสมุนไพรไทย เพื่อช่วยสร้างภูมิต้นทานให้กับร่างกาย

 

 

ด้วยเหตุนี้ ชมรมศิษย์เก่าเภสัช มหิดล นำเสนอความรู้ในการใช้สมุนไพรไทยใกล้ตัว ปลูกในครัวเรือน เพื่อดูแลสุขภาพตนเอง ในยุคโควิด-19 เน้นหลัก “หาง่าย ปลอดภัย มีที่มา และคุ้นเคย” โดยจัดโครงการเผยแพร่ความรู้ด้าน ยา เวชภัณฑ์ และการดูแลสุขภาพ ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage “ชมรมศิษย์เก่าเภสัชมหิดลเพื่อประชาชน” ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00-21.00 น.

 

 

ภายใต้ชื่อ MUPY Alumni Talk นำเสนอในหัวข้อ “สมุนไพรไทยใช้อย่างไรในยุค COVID-19” เน้นการใช้สมุนไพร กลุ่ม Adaptogen ช่วยดูแลสุขภาพแบบครบวงจร หาง่าย ราคาถูก ใช้กันมานานแต่โบราณ เพื่อใช้ดูแลสุขภาพด้วยตนเอง

 

 

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทย รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ประเทศไทยค่อนข้างโชคดี ที่เรามีสมุนไพรไทยที่มีประสิทธิภาพมากมาย เราใช้กันมาตั้งแต่โบราณ มีหลักฐานอ้างอิงไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยภูมิปัญญาดั้งเดิม และ ประสบการณ์ชาวบ้าน ในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา คนไทยเรานิยมใช้สมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร, กระชายขาว, ตรีผลา ฯลฯ

 

 

“หากมองฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ควบคู่กับหลักการแพทย์แผนไทย พบว่า สมุนไพรเหล่านี้มีคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น ต้านจุลินทรีย์, ลดการอักเสบ, เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถเรียกรวมกันว่าเป็น สมุนไพรกลุ่ม “Adaptogen” สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อดูแลสุขภาพในภาวะวิกฤตโควิด-19 ได้ สำหรับประชาชนทั่วไป ผู้ติดเชื้อ และผู้ที่หายจากโรค” ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าว

 

 

เนื่องจากในปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจงสำหรับโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 การนำสมุนไพรกลุ่ม Adaptogen มาใช้ดูแลสุขภาพน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นแค่การยับยั้งเชื้อไวรัสเท่านั้น แต่ยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส ทำให้ร่างกายแข็งแรง ปรับสมดุล เป็นสาร Antioxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น ทั้งยังปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดการตอบสนองที่รุนแรงมากกว่าปกติ

 

 

จนนำไปสู่การเกิดพายุไซโตไคน์ หรือที่เรียกว่า Cytokine Storm ไซโตไคน์ คือ สารที่เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันสร้างและหลั่งออกมาทำให้เกิดการอักเสบ การอักเสบนี้

 


เป็นการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมผ่านปฏิกริยาการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบว่าร่างกายจะมีการตอบสนองมากเกินไปในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

 

 

กล่าวคือมีการหลั่งไซโตไคน์หลายชนิดสู่กระแสเลือดพร้อมๆ กันในปริมาณมาก ที่เราเรียกว่าเกิด “พายุไซโตไคน์” (Cytokine Storm) ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ อันเนื่องจากการอักเสบอย่างรุนแรง เกิดรอยโรคจนมีผลต่อการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น ปอด หัวใจ ไต สมอง

 

 

ทำให้อวัยวะเหล่านี้ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงขั้นเสียชีวิตได้
สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเป็น Adaptogen ที่คนไทยคุ้นเคย ตัวอย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม กระเพรา ขมิ้นชัน กระชาย ขิง กระเทียม ตะไคร้ ยอ หญ้าใต้ใบ ลูกใต้ใบ เป็นต้น

 

 

ปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยบ่งชี้ขนาดรับประทานเพื่อเป็นยารักษาโรค มีเพียง “ฟ้าทะลายโจร” เท่านั้นที่มีงานวิจัยระบุขนาดรับประทานที่ปลอดภัย พร้อมเสนอแนะข้อควรระวังตามข้อมูลที่รวบรวมไว้

 

 

ส่วนสมุนไพรอื่นๆ ส่วนใหญ่เรารับประทานเป็นอาหารอยู่แล้ว เราจึงสามารถใช้ในลักษณะของการเป็นอาหาร หรือชงเป็นชาสมุนไพรได้ ตามแบบที่เคยกินเคยใช้กันมาแต่โบราณได้อย่างปลอดภัย ตัวอย่างการใช้สมุนไพรกลุ่มนี้ เช่น

 

 

“ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์ต้านไวรัส, ต้านการอักเสบ, เพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยมีฤทธิ์ในการลดการเกิดพายุไซโตไคน์ดังกล่าวข้างต้นด้วย ส่วนวิธีใช้ง่ายๆ หากเตรียมไว้รับประทานเอง ก็เพียงใช้ใบฟ้าทะลายโจร 5-7 ใบ ชงน้ำร้อนจัด หรือทำเป็นผงแล้วปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง รับประทานครั้งละ 5-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หรือบรรจุแคปซูลเบอร์ศูนย์ รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ3-4 ครั้ง มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือด ไม่ควรใช้ในสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร เป็นต้น

 

 

“กระเพรา” มีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ปรับสมดุลของจิตใจ คลายเครียด เราสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มทำเป็นชาสมุนไพร เช่น ใช้กระเพราแห้ง 2-3 ช้อนชา ชงน้ำร้อนแบบชงชา ก่อนนอน ทำให้หลับสบายหรือนำมาใส่ในอาหารกินเป็นประจำทุกวันก็ได้

 

 

“มะขามป้อม และ ลูกใต้ใบ” ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ จีนได้นำสารจากพืช 1,800 ชนิดมาทดสอบ พบว่า สาร Corilagin สามารถขัดขวางการจับกันของ เชื้อไวรัสกับ ACE2 receptor เป็นการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ดีที่สุด สาร Corilagin นี้ พบได้ในลูกใต้ใบและมะขามป้อ นอกจากนี้ มะขามป้อมยังมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นยาอายุวัฒนะ จากการศึกษาวิจัย พบว่า นำมะขามป้อมมาต้มรับประทาน 3 ผลต่อวัน สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้

 

 

“ขมิ้นชัน” ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการท้องเสียชนิดไม่ติดเชื้อ ลดการอักเสบ บรรเทาปวดบวมบริเวณข้อ ขนาดรับประทาน แคปซูลผงขมิ้นชัน 250 มิลลิกรัม วันละ 2-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หากต้องการทานสดใช้เหง้าแก่ยาวประมาณ 2 นิ้ว ขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาดตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง

 

 

“กระชาย” ช่วยขับลม แก้จุกเสียดปวดมวนในท้อง ท้องอืดเฟ้อ แก้โรคกระเพาะ เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง ขนาดรับประทาน ใช้ผงแห้งของเหง้า 2 กรัม วันละ 3 เวลา หรือเหง้ากระชายสดรับประทานครั้งละ ¼ ขีด วันละ 3 เวลา

 

 

สมุนไพรกลุ่ม Adaptogens คือ สารจากสมุนไพรธรรมชาติที่ให้ฤทธิ์ในการควบคุมกระบวนการทางสรีระวิทยา ช่วยให้เกิดความสมดุลของร่างกาย เช่น ช่วยลดการเกิดสภาวะเครียดในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านไวรัส จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อป้องกัน สร้างเสริมและดูแลสุขภาพสำหรับยุคโควิด-19 ได้ ตัวอย่างสมุนไพรในกลุ่มนี้ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร, กระชาย, หญ้าใต้ใบ, กระเพรา, ยอ, ขมิ้นชัน, มะขามป้อม, ตะไคร้ เป็นต้น

 

 

ผู้สนใจสาระความรู้ดีๆ สามารถเข้าร่วมฟัง “MUPY Alumni Talk” รายการทอล์คฟังสบาย ได้สาระที่เข้าใจง่าย ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00-21.00 น. ผ่านช่องทางยูทูป และเฟซบุ๊กไลฟ์ ของเพจ “ชมรมศิษย์เก่าเภสัชมหิดลเพื่อประชาชน” จัดโดยชมรมศิษย์เก่าเภสัช มหิดล

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง