ในบ้าน-นอกบ้านต้อง 'ใส่หน้ากากอนามัย' ด้วยนะ! ช่วยลดโควิด-19 ได้
ออกนอกบ้านใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 คงไม่เพียงพออีกต่อไป! เนื่องจากโควิดสายพันธุ์เดลต้า (Delta) หรือที่เรารู้จักในชื่อ “โควิดสายพันธุ์อินเดีย” ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ B.1.617.2 พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย แถมยังมีการพบการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า พลัส (Delta Plus) ที่มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม K417N ส่งผลให้ติดเชื้อง่าย และหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ดี ถือเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าอันตรายที่สุดกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ
เนื่องจากโควิดสายพันธุ์เดลต้าแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) ประมาณ 60 % และความร้ายกาจของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ มันสามารถลอยตัวอยู่ในอากาศ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายได้แม้ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย หรืออยู่ใกล้ผู้ป่วยตลอดเวลา ฟังแบบนี้น่ากลัวไหมละ!!! ยกตัวอย่าง ลองนั่งนึกภาพตาม ดังนี้
- โควิดสายพันธุ์แรก : หากมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อได้ 2.4- 2.6 คน
- โควิดสายพันธ์อัลฟา : หากมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อได้ 4- 5 คน
- แต่โควิดสายพันธุ์เดลต้า : หากมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อได้ 5- 8 คน
เห็นตัวเลขแล้วคงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมเราถึงต้องป้องกันตัวเองจากโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวด้วยการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ถูกวิธี เมื่อต้องออกนอกบ้านไปยังสถานที่ต่าง ๆ นั่นเพราะในแต่ละวันเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า มีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนหรือไม่ มาตรการขั้นพื้นฐานที่กระทรวงสารธารณสุข (สธ.) ออกมาขอความร่วมมือจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดไผอีกนาน
รวมทั้ง การใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้านทุกครั้งไม่เพียงพออีกต่อไป อาจเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อโควิดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ความร้ายการของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่สามารถลอยในอากาศได้นาน ติดง่ายและรวดเร็ว แม้แต่ในที่อยู่อาศัยก็ไม่อาจไว้วางใจได้อีกต่อไป
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดเสี่ยงโควิด-19 กรมอนามัย ขอความร่วมมือให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านด้วย เพื่อลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อในครอบครัว
โดยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมมาตรการสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันโควิด-19 จะเน้นปฏิบัติเมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางไปยังที่สาธารณะที่มีผู้คนหนาแน่น แต่ปัจจุบันกลับพบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสสมาชิกในครอบครัว หรือเกิดกับผู้ใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับพื้นที่การแพร่ระบาดได้มีการขยายเพิ่มเช่นเดียวกัน ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด
"การสวมหน้ากากอนามัยในบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นเพิ่มมากขึ้นสำหรับทุกครอบครัวในช่วงเวลานี้ ขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้น และสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสวมหน้ากากเมื่อทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน เมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน และต้องสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน ร่วมกับพฤติกรรมการป้องกันโรคอื่น ๆ ได้แก่ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกัน แยกการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว ลดการออกไปสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน หมั่นล้างมือเป็นประจำ ทำความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่จับร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร และให้งดการกินอาหารร่วมกันไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในครอบครัว” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ในบ้าน-นอกบ้าน ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ให้ถูกต้องและถูกวิธีกันนะ
ข้อมูล : กรมอนามัย