BCHจับตาไตรมาส3โตต่อ รับผู้ป่วยเงินสด-ต่างชาติ

#BCH #ทันหุ้น – BCH มั่นใจไตรมาส 3/2568 โตต่อรับไฮซีซัน ผู้ป่วยเงินสด–ต่างชาติ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย เพิ่มขึ้น พร้อมลุ้นเจรจาคูเวตส่งผู้ป่วยกลับมารักษาในไตรมาส 4/2568 เพิ่มรายได้เฉลี่ยราว 60 ล้านบาท/เดือน ส่วนธุรกิจศัลยกรรม-ปลูกผม-ดูดไขมันโตแรง ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 5 แห่ง ดันรายได้ปีนี้ 300 ล้านบาท หนุนผลงานปีหน้าโตแข็งแกร่ง

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ตัวเลขผู้ป่วยในเดือนสิงหาคมปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนกรกฎาคม ผู้ป่วยเงินสดและผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยซาอุดีอาระเบียที่เข้ารักษาโดยการจ่ายเงินเอง

ทั้งนี้ BCH เป็น 1 ใน 8 โรงพยาบาลที่รัฐบาลคูเวตเชิญไปพูดคุยเพื่อ จัดตั้งระบบการส่งผู้ป่วยกลับมารักษา หากมีการเจรจาสำเร็จ ผู้ป่วยจากคูเวตจะเป็นลูกค้าเดิมที่เคยรักษาศูนย์เบาหวาน และจะกลับเข้ามาในไตรมาส 4/2568 คาดการณ์ว่าจะมี รายได้เฉลี่ยประมาณ 60 ล้านบาทต่อเดือน สู่ระดับปกติจากคูเวต แต่เนื่องจากผู้ป่วยถูกกักตัวมาหลายปี การกลับมาครั้งนี้อาจทำให้รายได้มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ประมาณไว หากเป็นไปอย่างราบรื่นจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตให้กับปีหน้า

*เพิ่มช่องทางหารายได้

อีกทั้งด้านประกันชีวิตภาคเอกชนได้ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยภายในเพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับเดิม หลังจากชะลอตัวลงในไตรมาส 2/2568 จากประเด็น Co-Payment ส่วนประกันสังคมยังคงมีผลประกอบการที่ดีอยู่แล้ว เติบโตขึ้นจากการที่อัตราการจ่ายสำหรับครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 บาท จากเดิม 8,000 บาท รวมถึงสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น ศูนย์โรคที่เกิดจากการหลับ

ขณะที่ยังเพิ่มช่องทางในการหารายได้จากการบริการที่ไม่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจศัลยกรรม ที่มีการเติบโตสูงมาก ตั้งเป้าจะขยายให้เป็น 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 สาขา  สามารถสร้างรายได้เฉลี่ย ประมาณ 150-180 ล้านบาทต่อสาขา ตั้งเป้าหมายทั้งปีนี้ จะมีรายได้ 300 ล้านบาท รวมถึงในไตรมาส 4/2568 จะมีการเปิดศูนย์ปลูกผมและศูนย์ดูดไขมัน เป็นสาขาที่ 2

อย่างไรก็ดีในภาพของการเมือง มองว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน หากมีรัฐมนตรีคลังจากคนนอกที่สามารถเชื่อมโยงกับภาคประชาชนและผู้ประกอบการได้ จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีขึ้น แต่เนื่องด้วยที่เงินในคลังยังติดลบ ทำให้ต้องพิจารณาการใช้เงิน ในส่วนเรื่องงบประมาณปี 2569 ที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ถือเป็นการอัดฉีดเงินจากภาครัฐเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศ “ปลอดภัยขึ้น” หากงบประมาณไม่ผ่าน จะไม่มีงบลงทุนจากรัฐเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบที่หนักกว่ามาก

*ผู้ป่วยตะวันออกกลางล้น

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง BCH ว่า หากไม่รวมรายการพิเศษ (RW<2) ที่รับรู้ไปแล้วไตรมาสก่อนหน้าแล้ว ซึ่งต่างจากปีก่อนที่มีการรับรู้ในไตรมาส 3/2568 จำนวน 60 ล้านบาท จึงคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 3/2568 ยังฟื้นตัวได้ QoQ จากปัจจัยฤดูกาลและการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ป่วยตะวันออกกลาง เช่น UAE, คูเวตเงินสด, โอมาน, ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน ซึ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มใหม่ที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงผู้ป่วยชาวจีน, บังกลาเทศและกลุ่มประเทศ EU

นอกจากนี้ BCH ยังมีแผนจะเปิดศูนย์ศัลยกรรมพลาสติกเกษมราษฎร์ (KPS) เพิ่มเป็น 5 แห่ง และขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอื่นๆ รวมถึงโรงพยาบาลใหม่ที่มีผลขาดทุนลดลง ชดเชยผู้ป่วยกัมพูชาที่ชะลอตัวซึ่งคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้โรงพยาบาล

ดังนั้นฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี สนับสนุนจากการเติบโตของรายได้ประกันสังคมซึ่งในปีนี้ที่ได้รับการการันตีอัตราค่าบริการที่ 12,000 บาทต่อRW ตลอดทั้งปี ประกอบกับการขยายตัวของผู้ป่วยต่างชาติทั้งจากฐานลูกค้าเดิมและกลุ่มตลาดใหม่ มาช่วยชดเชยกลุ่มผู้ป่วยไทยเงินสดที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและการระบาดของโรคที่น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ให้ราคาเหมาะสม 18 บาท