"อินฟลูฯ" ดังฟันธง สินทรัพย์ไหนยืนหนึ่ง หุ้น-ทอง-บิทคอยน์-อสังหาฯ

บนเวที Bitkub Summit 2025 ได้มีการหยิบยกประเด็นในเรื่องของการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่กำลังร้อนแรง เป็นที่จับตามอง และถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น ทองคำ และคริปโทเคอร์เรนซี ว่าสินทรัพย์ใดราคายังจะสามารถไปต่อ หรืออาจจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยมีนักธุรกิจ และนักลงทุน ที่มีอิทธิพลในแวดวงการลงทุน ร่วมพูดคุยบนเวที
โดยนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผูู้ก่อตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ได้กระจายไปอย่างเท่าเทียม ซึ่งก็ส่งผลต่อสินทรัพย์ลงทุนต่าง ๆ
โดยประเด็นของราคาบิทคอยน์นั้นในระยะสั้นราคาอาจจะสูงกว่าพื้นฐานไปบ้าง แต่ในระยะยาว ราคาของบิทคอยน์จะกลับมาสะท้อนพื้นฐานได้ เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีที่อาจจะถูกมองว่าราคาสูง จนใกล้เคียงกับลักษณะของฟองสบู่ แต่ในระยะยาวเทคโนโลยี AI จะเข้ามามีบทบาทกับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ราคาจะสามารถสะท้อนพื้นฐาน และมูลค่าหุ้นได้ ในขณะที่ราคาทองคำในระยะสั้นอาจจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ แต่ในระยะยาวอาจจะมีความน่าสนใจที่ลดลง เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ในอนาคตแนวโน้มของประชากรที่ลดลง จะส่งผลให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ลดลงตามไปด้วย
ขณะที่นายพิชัย จาวลา นักลงทุน และกรรมการบริหาร บริษัท บีทู โฮเทล จำกัด ได้กล่าวถึงพื้นฐานของทุนนิยมที่เงินเป็นสิ่งที่มีค่า และหายาก ซึ่งสนับสนุนแนวคิด "คนส่วนน้อย" ที่จะเป็นกลุ่มคนที่จะสามารถมีความมั่งคั่งได้ในระบบทุนนิยม ดังนั้นหลักการลงทุนตามแนวคิดคนส่วนน้อยนั้น จะไม่เลือกลงทุนตามกระแส โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย หรือสถาบันมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนมหาศาล หรือราคาจะปรับตัวขึ้นพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเทคนิค แนวโน้ม ต่าง ๆ
ในขณะที่ราคาของบิทคอยน์ในปัจจุบันนั้นร้อนแรงเกินไป นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าซื้อพร้อมกัน เป็นสัญญาณอันตราย เพราะทุกสินทรัพย์ราคาจะขึ้นหรือลงควรที่จะต้องเป็นไปตามมูลค่า ไม่ควร Over หรือ Under Value มากเกินไป ซึ่งราคาปัจจุบันของบิทคอยน์นั้น ไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่านี้เพื่อให้คนส่วนใหญ่ได้กำไร
และที่สำคัญสถานการณ์ของบิทคอยน์ต่างจากในอดีตที่ยังมีคนรู้จัก หรือเข้าใจน้อย จึงเป็นสินทรัพย์ของคนส่วนน้อย จึงถูกตั้งคำถามมากถึงข้อจำกัด แต่เมื่อได้รับการยอมรับมากขึ้น ราคาก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามการยอมรับ ซึ่งในปัจจุบันคนส่วนใหญ่รู้จัก เข้าใจ และมีความมั่นใจที่จะเข้าซสื้อ จึงเป็นจุดที่อันตราย เช่นเดียวกับทิศทางราคาทองคำที่เข้าใกล้ฟองสบู่ ส่วนกาารลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น เมื่อย้อนดูอดีตที่ผ่านมาสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างขาดลอย
ด้านดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัย และประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อนั้นไม่มีอยู่จริง ถึงแม้ว่าสินค้า หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รายได้ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงคุณภาพชีวิต และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ก็ดีขึ้น
ในขณะที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นบวกเสมอ รวมถึงการลงทุนโดยตรง เช่นการทำธุรกิจ ยังมีความน่าสนใจกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ยิ่งเป็นการลงทุนในลักษะณะเก็งกำไร หรือ Trading แล้วนั้น ยิ่งมีโอกาสชนะ หรือได้กำไรที่น้อย มีนักเก็งกำไรเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ชนะ 20% ที่เสมอ ส่วนอีก 70% นั้นขาดทุน ส่วนบิทคอยน์นั้นเป็นสินทรัพย์ที่อันตราย ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง และปัจจัยพื้นฐานมารองรับ แตกต่างจากสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือทองคำ
ขณะเดียวกันนายซีเค เจิง ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fastwork Technologies กล่าวว่า การลงทุนที่จะสามารถทำให้เกิดความมั่งคั่งได้นั้นจะต้องเป็นการลงทุนที่สามารถชนะได้ทั้งเงินเฟ้อ และก็ตลาด หรือดัชนีชี้วัด อาจจะเป็นหุ้นเทคโนโลยีรายตัว จากเทคโนโลยี AI ที่กลายเป็น New S-Curve ใหม่ของโลก หรือสินทรัพย์อื่นใดก็ได้ที่สามารถเอาชนะตลาดได้
แต่ถ้าหากว่ายังไม่มีความรู้ หรือความเข้าใจในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากเพียงพอ ก็สามารถลงทุนตามดัชนีชี้วัด หรือ Index แทนได้ เช่น S&P500 หรือการลงทุนเริ่มต้นธุรกิจ SMEs ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงที่สูง แต่ถ้าประสบความสำเร็จ ฏ้สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงมากได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนอีกหนึ่งนักธุรกิจ และลงทุนชื่อดังอย่างดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร กล่าวว่่า คนส่วนใหญ่ประสบปัญหาที่รายได้ส่วนใหญ่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับเงินเฟ้อได้ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องหารายได้หลายทางมากขึ้น ทั้ง Active และ Passive Income หรือการลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ได้ที่สร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ราคาบิทคอยน์นั้นในปัจจุบันนั้นสามารถที่จะปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรืออาจจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ซึ่งในระยะสั้นถ้าสามารถสร้างผลตอบแทน หรือเก็งกำไรได้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
