สมาคมภัตตาคารเชื่อ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่กระทบภาคบริการ
นายกสมาคมภัตตาคารไทย หรือนางฐนิวรรณ กุลมงคล ออกมาระบุว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำล่าสุด เป็นการช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศค่าครองชีพเท่านั้น เนื่องจากฝั่งลูกจ้างจะรู้สึกว่าค่าจ้างปรับขึ้นมาบ้าง เพราะที่ผ่านมามีแต่ค่าใช้จ่ายที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริง การปรับขึ้นค่าแรงมีผลในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลัก ขณะที่ภาคการบริการมีค่าจ้างสูง กว่าขั้นต่ำ อยู่ที่ประมาณ 12,000-15,000 บาทต่อเดือนอยู่แล้ว
โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหาร หนึ่งในภาคการบริการ มีการจ่ายค่าจ้างสูงกว่าอัตราขั้นต่ำเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานค่อนข้างมาก จะมีบางส่วนเท่านั้น ที่มีการจ้างอยู่ในค่าแรงขั้นต่ำ แต่จะเป็นแรงงานที่มีทักษะน้อย หรือ ต้องนำมาฝึกฝนต่อไป
นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า เดิมธุรกิจร้านอาหารจะคิดต้นทุนแรงงาน เป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 20 แต่ปัจจุบันต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การทำประกันสังคม ประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ หรือ หากเป็นแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับ ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารในขณะนี้ ฟื้นตัวขึ้นมากกว่าร้อยละ 70-80 แล้ว แต่เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ การขนส่ง และพลังงานที่เพิ่มสูงมาก ทำให้รายได้และกำไรไม่ได้เพิ่มตามมามากนัก เพราะหากเทียบกับช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้นแล้วกว่าร้อยละ 50 เพราะของทุกอย่างแพงขึ้นหมด จึงเป็นการวัดฝีมือของผู้ประกอบการที่เก่งจริงๆ ในการบริหารจัดการต้นทุนให้ดีที่สุด เพื่อให้รายได้และกำไรออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ข้อมูลจาก TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN