รีเซต

ขอนแก่น สหกรณ์ครูฯ เผยถูกแบงก์ขอคืนเงินกู้ก่อนกำหนด กระทบความเชื่อมั่นองค์กร

ขอนแก่น สหกรณ์ครูฯ เผยถูกแบงก์ขอคืนเงินกู้ก่อนกำหนด กระทบความเชื่อมั่นองค์กร
77ข่าวเด็ด
27 เมษายน 2563 ( 03:17 )
115

ขอนแก่น–ปธ.สหกรณ์ครูฯ เผยถูกขอคืนเงินกู้ก่อนครบสัญญา เรียกร้องสมาชิกงดการกระทำที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ด้านชมรมสมาชิกสหกรณ์ฯ เผยยอดเงินหายอาจสูงกว่า 1,200 ล้าน

 

 

ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด (สก.ขก.) ได้ออกแถลงการณ์ถึงสมาชิกฯ ระบุว่า จากการที่มีข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ จากสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ลดความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นในสหกรณ์  ทั้งนี้ล่าสุด สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการบินไทย และ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (จำกัด (มหาชน) ได้ขอคืนเงินกู้ยืมก่อนสิ้นสุดสัญญา  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 4.5 บาทเท่ากับเป็นการบอกขอเงินกู้คืน โดยไม่บอกตรงๆ ขอทางอ้อมโดยขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

จากเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวดังกล่าว คาดว่า จะมีสถาบันการเงินต่างๆ ขอคืนเงินจากสหกรณ์ก่อนสิ้นสุดสัญญา มติที่ประชุมใหญ่ให้คณะกรรมการดำเนินการกู้เงินจากสถาบันต่างๆ จำนวน 14,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการวางแผนเพื่อขอกู้เงินจากสถาบันฯ ซึ่งช่วงแรกก็รับปากว่า จะให้เคดิตกับสหกรณ์ ณ ปัจจุบันได้รับการประสานงานให้ชะลอไว้ทุกสถาบันการเงิน

 

“คณะกรรมการฯ วางแผนที่จะเพิ่มวงเงินกู้ฉุกเฉินจาก 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท ตามข้อเสนอของผู้แทนสมาชิก เลยต้องชะลอไว้ก่อน ผมจึงขอร้องและขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน งดการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสหกรณ์ฯ และสมาชิกโดยส่วนรวม

 

การที่สหกรณ์ฯ เกิดความเสียหายตั้งแต่ปี 2554 กรณีจำนวนเงินที่หายไปถึง 431 ล้านบาท คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการในฐานะผู้แทนนิติบุคคลตามขั้นตอนของกฎหมาย และเชื่อมั่นได้ว่า ทรัพย์สินของสหกรณ์ฯ ต้องได้กลับคืนมา คนที่ทำผิดต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ถ้าพวกเรายังเดินหน้าสร้างความเคลื่อนไหวอยู่ การกู้เงินสามัญต้องรอคิว ตนจึงได้ส่งสัญญานมาให้ทุกคนได้รับทราบ” ดร.อนุศาสตร์ ระบุ

 

 

ด้าน ดร.วิศร์ อัครสันตติพงษ์ ประธานชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กล่าวว่า เหตุผลที่สถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าของเงินฝาก (เจ้าของหุ้น) ขอคืนเงินจากสหกรณ์ฯ ก่อนสิ้นสุดสัญญาหรือขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นเพราะขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการของสมาชิกชุดปัจจุบัน เนื่องจากมีความผิดฐานจงใจขัดคำสั่งตามกฎหมายของนายทะเบียนสหกรณ์กรณีการจัดสรรหุ้นกำไรสุทธิครั้งที่ผ่านมา และขาดความชอบธรรมเพื่อการได้มาซึ่งโบนัส 20 ล้านบาทของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่และคดีความต่างๆ กำลังจะตามมา

 

“เจ้าหนี้ทั้งหลายทราบดีกว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบันมีจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 11 คนที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนกระทำให้สหกรณ์ฯ เสียหายกว่า 1,200 ล้านบาท มิใช่ 431 ล้านบาท ดังที่คณะกรรมการฯ เปิดเผยออกมา” ดร.วิศร์ กล่าวและว่า

 

ทั้งนี้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดการคือ ผู้จัดการ อยู่ในกลุ่มที่ทำให้สหกรณ์ฯ เสียหายด้วย ตลอดจนคณะกรรมการชุดปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของนายทะเบียนที่จะสั่งให้พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ เจ้าหน้าที่จึงระมัดระวังในการทำธุรกรรมทางการเงินกับสหกรณ์ฯ อันจะเกิดผลให้สหกรณ์ฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงในอนาคต

 

ดร.วิศร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกล่าวหาสมาชิกที่ร่วมกันออกมาปกป้องทรัพย์สินของตนเองอย่างชอบธรรม จึงเป็นการตอกย้ำการขาดความน่าเชื่อถือของสหกรณ์ฯ มากขึ้น  แนวทางการแก้ไขปัญหามีอยู่ว่า ต้องเปลี่ยนกรรมการฯ ชุดนี้ทั้งคณะ โดยการประชุมใหญ่หรือการให้นายทะเบียนสั่งการให้ประธานฯ พร้อมคณะกรรมการ และ ผู้จัดการฯ พร้อมใจกันลาออก เพื่อเปิดทางให้ผู้บริสุทธิ์เข้าไปทำหน้าที่แทนเพื่อความมั่นคงของสหกรณ์ฯ ต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง