รีเซต

'ทนายเดชา' เข้าแจง กมธ.ปราบโกง กรณีร้องปลด 'ส.ส.เต้' เผยยังห่วงแม๊ แต่เจอหมายศาลแน่

'ทนายเดชา' เข้าแจง กมธ.ปราบโกง กรณีร้องปลด 'ส.ส.เต้' เผยยังห่วงแม๊ แต่เจอหมายศาลแน่
มติชน
16 มิถุนายน 2565 ( 16:13 )
102
'ทนายเดชา' เข้าแจง กมธ.ปราบโกง กรณีร้องปลด 'ส.ส.เต้' เผยยังห่วงแม๊ แต่เจอหมายศาลแน่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) เป็นประธานกมธ. หลังเคยยื่นคำร้องถอดถอนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ (ทศล.) ออกจากตำแหน่ง ส.ส.

 

โดยนายเดชา กล่าวว่า วันนี้เป็นการเข้ามาชี้แจง กมธ.ว่า การร้องเรียนนายมงคลกิตติ์มีที่มาอย่างไร การข่มขู่และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้จะมาให้ข้อมูลเหมือนพบพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการถอดถอน ซึ่งกมธ.มีมติรับเรื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากมีมูลก็ต้องเชิญนายมงคงกิตติ์เข้ามาชี้แจงต่อไป หลังจากนั้นก็จะมีการส่งความเห็นไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ ป.ป.ช.จะส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

 

ทั้งนี้ ประมวลจริยธรรมของส.ส.เขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามเหยียดหยาม ดูถูก อาฆาตมาดร้ายประชาชน รวมถึงห้ามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เช่นคดีของน.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่พนักงานสอบสวนและอัยการจ.นนทบุรี มีความเห็นทางคดีไปแล้วว่าเป็นเรื่องประมาท แต่นายมงคงกิตติ์กลับไปแสดงควมคิดเห็นเหมือนจะทำให้ตำรวจและอัยการจ.นนทบุรีเปลี่ยนไปตามที่ตนเองต้องการ

 

 

นายเดชา กล่าวว่า ส่วนเรื่องการข่มขู่คือ มีการโทรศัพท์ไปข่มขู่ประชาชนไม่ให้ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในคดีแตงโม ซึ่งผิดจริยธรรมของส.ส. รวมถึงมีการข่มขู่ว่าจะไปแจ้งความที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจะไม่ได้กลับมา นอกจากนี้ ยังมีคดีเก่าที่ท้านายกรัฐมนตรีต่อย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เรียกว่าเป็นนิสัยนักเลง ทั้งนี้ เคยมีทนายผู้หญิงคนหนึ่งเคยยื่นเรื่องกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กรณีสมาชิกพรรคและนายมงคลกิตติ์ก็ได้ไปข่มขู่ให้ถอนเรื่องโดยบอกว่า “หากไม่ถอนพี่ก็ต้องไปเลี้ยงลูกให้น้อง”

 

สำหรับทนายความคนอื่นที่ถูกข่มขู่นั้น ก็ได้มีการร้องเรียนไปที่ป.ป.ช.และนายชวนแล้ว ซึ่งส่วนตัวหลังจากที่ตนได้พูดคุยกับผู้รู้ด้านจริยธรรม และดูเรื่องพยานหลักฐานแล้วมองว่านายมงคลกิตติ์ไม่น่ารอดเนื่องจากไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว แต่ทำมาหลายครั้งแล้ว ขณะนายกฯ ยังท้าต่อยแสดงว่าเขาคงไม่กลัวและเห็นว่านายกไม่ได้เอาเรื่อง

 

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายมงคลกิตติ์จะมูฟออนออกจากเรื่องนี้ นายเดชา กล่าวว่า เป็นการหาทางลงอยู่เพราะไปไม่ไหวแล้ว แต่จะลงไปที่ไหนก็ต้องดูอีกครั้ง มีสวรรค์กับนรกอยู่สองที่ก็เลือกเอา ทั้งนี้ ตนคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนถอนตัวจากการช่วยคดีนี้ ตนอยู่กับคุณแม่มา 77 วัน ยังเอาคุณแม่ไม่อยู่ คนที่รับช่วงต่อจากตนก็ต้องเละอยู่แล้ว ส่วนคดีที่นายอัจฉริยะ เรือนรัตนพงศ์ ยื่นร้องไปที่ศาล ก็ต้องนัดไต่สวนไปเพราะไม่สามารถถอนได้

 

ถามต่อว่า จากที่ระบุว่าหากคุณแม่อยากให้ช่วยเหลือ ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ยังยืนยันคำเดิมหรือไม่ นายเดชากล่าวว่า ตอนนี้ก็ยังบอกคุณแม่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน และยังห่วงใย แต่ไม่ใช่ในฐานะทนาย ซึ่งเมื่อเช้าคุณแม่ก็ได้ส่งสติกเกอร์ทางไลน์มาหาตน แต่ตนตอบไปแค่ว่า จุ๊กกรู และบอกให้แม่ออกจากสถานการ์ที่ตรึงเครียด ตอนนี้อยู่ทั้งกับนายอัจฉริยะและนายมงคลกิตติ์ ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่า ยูเครน-รัฐเซียอีก แม้นายมงคลกิตติ์ถอนตัวไปแล้วก็แล้วแต่คุณแม่ว่าจะเอาทำอย่างไรกับนายอัจฉริยะ ซึ่งก็ยังเป็นห่วงคุณแม่อยู่

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคุณแม่ชวนไปทำคดีจะไปหรือไม่ นายเดชา กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นเลย คุณแม่ลีลาไปเยอะ แกไม่ธรรมดา ซึ่งตอนนี้คุณแม่มีความเสี่ยง หากมีการฟ้องคดีฆาตกรรมแล้วไม่มีหลักฐานว่า ใครเป็นคนฆ่า แม่ก็เป็นจำเลยอยู่แล้ว แม่สบายใจได้ เดี๋ยวหมายศาลก็มา ซึ่งได้ยินข่าวมาว่าคนบนเรือรอดหมด ฉะนั้นหากฟ้องเกินจริง เขาสามารถฟ้องกลับคดีได้ ซึ่งหากไม่ชนะคดี ไม่มีหลักฐาน เขาฟ้องกลับติดคุกอีก ซึ่งเป็นห่วงคุณแม่ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็ขอให้คุณแม่ตั้งสติให้ดี

 

เมื่อถามว่า ความตั้งใจของนายเดชาคือถอดถอนนายมงคลกิตติ์ออกจากการเป็นส.ส.ใช่หรือไม่ นายเดชา กล่าวว่า “คิดว่าเขาไม่ควรเป็นส.ส.หากใครพูดผิดหูหน่อย เขาก็ขู่ว่าจะส่งคนไปกระทืบ เดี๋ยวจะยุ่ง”

 

เมื่อถามว่า ในทางกฎหมายหากคุณแม่ถูกฟ้องกลับ นายมงคลกิตติ์จะโดนฟ้องด้วยหรือไม่ นายเดชา กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะโดนด้วย และไม่ควรปล่อยให้คุณแม่เป็นจำเลยโดยลำพัง อยากฝากส.ส.ให้มาสมัครเป็นจำเลยที่ 2 เพราะชอบยุยงปลุกปั่น ทั้งนี้ อยากฝากถึงทนายคนบนเรือว่า เวลาร่างฟ้อง อย่าฟ้องคุณแม่คนเดียว ให้ฟ้องพ่วงกันไป คุณแม่จะได้มีเพื่อน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง