เพื่อนๆ เด็ก ม.2 มือถือหาย บุก สพม.บุรีรัมย์ เล็งตั้งกรรมการสอบ ยังไม่เชื่อ ผอ.จะลักทรัพย์

เพื่อนนักเรียน ม.2 รวมตัวบุก สพม.บุรีรัมย์ พบ ผอ.เขต หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เล็งตั้งกรรมการสอบ ผอ.ปมฉกมือถือเด็ก ยันยังไม่โยกย้าย เรื่องคดีปล่อยเป็นหน้าที่ตำรวจ

จากกรณีที่ นายสมชาย (นามสมมุติ) พ่อของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อวีโว่ Y12 ราคาประมาณ 3,500 บาท ให้ลูกชาย แต่โทรศัพท์หายไประหว่างชาร์จไว้ในห้องเรียน ทั้งนี้ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองสองห้องเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนั้น “ผู้อำนวยการโรงเรียน” นำมือถือมาส่งให้ที่โรงพัก อ้างว่าไม่ได้เจตนาจะเอาไป แค่ยึดไว้ เพราะไม่ได้อนุญาตให้เด็กเอามือถือมาเรียนนั้น กระทั่งเมื่อวันที่ 18 กันยายน ผอ.เข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เจตนาจะลักขโมยมือถือเด็ก แค่ยึดไว้เท่านั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กันยายน เพื่อนร่วมห้องของ ด.ช.เอ จำนวน 10 คน จาก 12 คน เดินทางไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) บุรีรัมย์ พร้อมถือป้ายข้อความตำหนิ ผอ.โรงเรียน โดยนักเรียนบางคนระบุว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนตึงเกินไป บางครั้งไม่มีเวลาจะกินข้าว ห้ามทุกอย่าง เช่น ห้ามเอาโทรศัพท์มาโรงเรียน ซึ่งเป็นการสร้างความลำบากให้กับนักเรียนในการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องของนักเรียนที่โทรศัพท์หายไป พบมีนักเรียนในห้องเหลือเพียง 2 คน ที่เหลือไป สพม.บุรีรัมย์

หนึ่งในเพื่อนของ ด.ช.เอบอกว่า ปกติถ้าใครเอาโทรศัพท์มาชาร์จไว้จะไม่มีใครเข้ามายุ่ง ช่วงนั้นเป็นวิชาลูกเสือ ลงจากห้องเรียนไปที่สนาม เพื่อนชาร์จโทรศัพท์ไว้ พร้อมเอาสมุดมาครอบโทรศัพท์เอาไว้ เมื่อกลับมาพบว่าไม่เห็นแล้ว

ครูสมบัติ (นามสมมุติ) หนึ่งในครูของโรงเรียน กล่าวว่า เห็นข่าวทางทีวีรู้สึกตกใจ เพราะเรื่องราวไปไกลกว่าที่คิด ยอมรับว่าที่ผ่านมามีกรณีในลักษณะนี้หลายครั้ง คือการยึดของนักเรียนแล้วไม่ส่งคืน แต่ตนไม่มีอำนาจใดๆ ไปว่ากล่าว ผอ.ได้ ได้แค่รับรู้เท่านั้น

ด้านนายกฤษ ละมูลมอญ ผอ.สพม.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตามหน้าที่ของ ผอ.จะต้องเข้าไปตรวจสอบทุกจุดของโรงเรียน เรื่องราวที่เกิดขึ้นส่วนตัวยังไม่เชื่อว่า ผอ.จะลักทรัพย์ตามที่ถูกกล่าวหา เพราะสัญชาตญาณของครู คงไม่มีแบบนั้น ทั้งนี้ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน ส่วนเรื่องทางคดีจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ยังไม่มีการโยกย้ายใดๆ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับด้านคดีความ ตำรวจ สภ.หนองสองห้องอยู่ระหว่างหาพยานหลักฐาน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้