รีเซต

ศปป.4-พยัคฆ์ไพร บุกยึดพื้นที่ป่าคืนอีก 578 ไร่ พบนายทุนภาคใต้ฮุบป่าทำสวนพารา

ศปป.4-พยัคฆ์ไพร บุกยึดพื้นที่ป่าคืนอีก 578 ไร่ พบนายทุนภาคใต้ฮุบป่าทำสวนพารา
77ข่าวเด็ด
1 มิถุนายน 2563 ( 01:44 )
87
ศปป.4-พยัคฆ์ไพร บุกยึดพื้นที่ป่าคืนอีก 578 ไร่ พบนายทุนภาคใต้ฮุบป่าทำสวนพารา

 

วันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่ศปป.4 พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า และการยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของนายทุนในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ภายใต้การอำนวยการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า และ พล.ท.เรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผอ. ศปป.๔ กอ.รมน. อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางชุดปฎิบัติการฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ตรวจยึดดำเนินคดีในปี พ.ศ.2558 ในท้องที่ หมู่ที่ 10 บ้านซำบุ่น ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ได้รับการร้องเรียนว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและปลูกยางพาราจำนวนมาก โดยกลุ่มนายทุนจากภาคใต้บริเวณป่าหลังบ้านซำบุ่น ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ

 

 

ทั้งนี้จากผลการตรวจสอบพบบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านซำบุ่น บริเวณติดต่อกับพื้นที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลยถูกบุกรุก และปลูกยางพาราอายุประมาณ 4-5 ปี เป็นบริเวณกว้างและมีการตัดถนนลำลองเชื่อมต่อกับแปลงตรวจยึดเดิมรวมทั้งเชื่อมต่อกับพื้นที่ทำกินของราษฎรท้องที่จ.เลย ไม่พบสิ่งก่อสร้างหรือที่พัก และไม่พบบุคคลใดในที่เกิดเหตุ โดยพบพื้นที่ปลูกยางพารา จำนวน 2 แปลง อยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร โดยมีแปลงตรวจยึดเดิมคดีอาญาที่ 121/2558 คั่นกลางระหว่างแปลงยางพาราทั้ง 2 แปลง

 

 

อย่างไรก็ตามคณะเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำชาวบ้านซึ่งเจ้าหน้าที่พบกำลังทำกินอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 3 ราย ได้ให้ถ้อยคำตรงกันว่า บริเวณสวนยางพารา
ที่อยู่ในเขต ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โดยนายทุนจากภาคใต้เป็นเจ้าของและจ้างชาวบ้านไปถางวัชพืชและดูแลต้นยางพารา โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ การปลูกยางพาราได้เริ่มจากท้องที่บ้านซำบุ่น ต.ศิลา และขยายมาจนชนเขต จ.เลย ซึ่งทราบว่านายทุนได้มาซื้อที่ต่อจากชาวบ้านในราคาไร่ละ 3000-5000 บาท จากนั้นเริ่มปลูกยางพารา และยังมีนายทุนจากภาคใต้อีกเป็นเจ้าของสวนยางพาราอีกแปลง

 

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบรังวัดขอบเขตแปลงที่ดิน โดยใช้เครื่องมือหาค่าพิกัดสัญญาณจากดาวเทียม (จีพีเอส) ตรวจวัด คำนวณเนื้อที่ได้ 354-1-56 ไร่ และแปลงคำนวณเนื้อที่ได้ 223-3-68 โดยทั้ง 2 แปลง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ จำแนกเป็นพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 เอ ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ.2545 มีร่องรอยผ่านการใช้พื้นที่ทำประโยชน์บางส่วน และตรวจสอบกับภาพถ่ายจากดาวเทียมในปี พ.ศ.2562 แสดงลักษณะการปลูกยางพาราเต็มพื้นที่

 

โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เป็นความผิดกฎหมายป่าไม้ จึงตรวจยึด พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกดังกล่าว รวม 2 แปลง จำนวน 578-1-64 ไร่ คิดค่าเสียหายของรัฐเบื้องต้น เป็นเงิน 39,473,139 บาท โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จากนั้นมอบหมายให้นายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า เพื่อให้ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง