SPALI เมินสงครามราคา ยอดจองคอนโดยังสวย

ทันหุ้น – สู้โควิด –SPALI ลั่นไม่แข่งขันด้านราคา มั่นใจคอนโดยังขายดี เปิดตัว 3 โครงการมียอดจองกว่า 70% พร้อมคงเป้ายอดขาย ทั้งปีที่ 2.6 หมื่นล้านบาท หลังเห็นสัญญาณตลาดคอนโดฟื้นตัวชัดเจน ชี้เป็นเวลาทองของคนต้องการบ้านอยู่อาศัย ลุ้นรัฐบาลมีมาตรการภาษีช่วยดีมานด์ฟื้นตัวนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPAL เปิดเผยว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเมินภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมทั้งปียังติดลบกว่า 70% แต่ภาพรวมตลาดแนวราบมีแนวโน้มติดลบเพียง 20% ดังนั้นหากไม่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งที่ 2 ภายในประเทศ คาดว่าภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 2564 จะมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปีนี้

คอนโดยังขายดีทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2563 SPAL เปิดโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ จากแผนการเปิดโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ โดย ณ ปัจจุบัน โครงการศุภาลัย ซืตี้ รีสรอท จรัญ 91 มียอดจองแล้ว 30%, โครงการศุภาลัย ลอฟ สาธร-ราชพฤก มียอดจองแล้วกว่า 70%, ส่วนโครงการล่าสุดที่เปิดตัวใหม่ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน มียอดจองแล้วกว่า 50%ดังนั้น แม้ในช่วงไตรมาส 4/2563 จะต้องชะลอการเปิดตัวคอนโดมิเนียมออกไป 1 โครงการ ก็จะไม่กระทบเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2563 ที่ตั้งไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตายอดโอนในช่วงไตรมาส 3/2563 อีกครั้งเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีการปรับเป้ายอดโอนทั้งปีจากที่ตั้งไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาทหรือไม่“ตอนนี้ยอดขายคอนโดฯ ถือว่าดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้มาก

ส่วนยอดขายแนวราบฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ไม่ห่วงยอดขายทั้งปี แต่ขอรอดูยอดโอนช่วงไตรมาส 3/2563 นี้ก่อนว่าจะได้ตามเป้าไหม แต่ตอนนี้ก็มีลุ้นว่าจะได้แล้ว เพราะยอดปฏิเสทสินเชื่อของแบงก์ก็ลดลงเหลือประมาณ 10% จากช่วงครึ่งแรกของปีที่กว่า 20%” นายไตรเตชะ กล่าว*มั่นใจไม่ลงสนามแข่งราคานายไตรเตชะ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้ประกอบการทุกรายต่างนำเสนอสินค้าทุกโครงการ ในทุกทำเลในราคาที่ดีที่สุด ซึ่งการกำหนดราคาของบริษัทจะเน้นหาช่วงราคาที่ดีที่สุดในทำเลนั้นๆ ประกอบกับต้นทุนทั้งค่าวัสดุก่อสร้าง-ค่าแรง ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 1-2% อีกด้วย“บริษัทมั่นใจว่ามีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ประกอบกับมีการศึกษาและนำเสนอราคาขายที่ดีที่สุดในแต่ละโครงการ ทุกทำเลให้กับลูกค้า เห็นได้จากยอดขายที่ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง หลังการคลายล๊อกดาวน์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องนำสต๊อกโครงการที่เหลือกลับมา “Resale” ด้วยการลดราคา จนกระทบต่อลูกค้าที่ซื้อโครงการไปก่อน” นายไตรเตชะ กล่าว