คลื่นความร้อนถล่มญี่ปุ่น ป่วยนับหมื่น ตายแล้ว 150 ราย

วันนี้( 22 ส.ค.63) ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนถล่มญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 148  คนในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 13-20 สิงหาคมที่ผ่านมา จากเดิมที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีผู้ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลอีก 12,804 คน จากอาการเป็นลมแดด หรือ ฮีทสโตรค (heatstroke) และเพลียแดด หรือ ฮีท เอ็กซอสชั่น (heat exhaustion) ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีผู้ป่วยจากคลื่นความร้อนเกือบ 6,700 คน ซึ่งเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว คลื่นความร้อนทำให้มีผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่น 126 คน และป่วยเพราะอากาศร้อนจัดอีกกว่า 70,000 คนทั่วประเทศ

ส่วนสัปดาห์นี้ เป็นสัปดาห์ที่ร้อนที่สุดของญี่ปุ่นในฤดูร้อนปีนี้ อุณหภูมิพุ่งสูงสุดทำลายสถิติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่เมืองฮามามัตสึ ในจังหวัดชิซึโอกะในภาคกลางของญี่ปุ่นที่ 41.1 องศาเซลเซียส ซึ่งเท่ากันกับสถิติอุณหภูมิสูงสุดในญี่ปุ่นเมื่อปี 2561 ที่ 41.1 องศาเซลเซียส วัดได้ที่เมืองคูมางายะ ในจังหวัดไซตามะเมื่อปี 2561

ส่วนในกรุงโตเกียว อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 35-36 องศาเซลเซียส โดยผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 40-90 ปี และผู้ป่วยจากคลื่นความร้อนส่วนใหญ่ มีอายุมากกว่า 70 ปี 

จำนวนผู้ป่วยจากคลื่นความร้อน อาจทำให้ระบบการรักษาพยาบาลของญี่ปุ่นอาจล่มสลายได้ เนื่องจากยิ่งเพิ่มภาระหนักให้แก่โรงพยาบาลในญี่ปุ่น ซ้ำเติมการรับภาระหนักอยู่แล้ว ในการรักษาผู้ป่วยโควิด19 และการแยกผู้ป่วยจากโควิด19 กับผู้ป่วยจากคลื่นความร้อน ยังทำได้ยาก เนื่องจากมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนเหมือนกัน

นอกจากนี้ การที่ชาวญี่ปุ่นต้องใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโควิด19 ในขณะที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้ ยิ่งเพื่อความลำบากในการใช้ชีวิตให้แก่ชาวญี่ปุ่น และในบางกรณีการใส่หน้ากากอนามัย กลับเป็นสาเหตุทำให้เป็นลมแดดได้

เกาะติดข่าวที่นี่