ฝนถล่มเอเชียโหด ที่ “อินโดนีเซีย” เสียชีวิต 950 ราย ส่วน “ศรีลังกา” อีก 672 ราย

พายุและฝนมรสุมหลายระลอกได้ถาโถมใส่ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ สร้างความเสียหายรุนแรงตั้งแต่พื้นที่ป่าฝนบนเกาะสุมาตราไปจนถึงไร่ชาบนพื้นที่สูงในศรีลังกา ส่งผลให้เกิดดินถล่ม น้ำท่วมหนัก และมีผู้เสียชีวิตรวมมากกว่า 1,750 คน
อย่างในอินโดนีเซีย “มูซากีร์ มานาฟ” ผู้ว่าการจังหวัดอาเจะห์ เปิดเผยว่า พื้นที่ประสบภัยกำลังเผชิญความขาดแคลนอย่างหนัก “ทุกอย่างขาดแคลน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงของใช้จำเป็น ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองอย่างเท่านั้น” เขากล่าว
สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BNPB) รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 950 คนในจังหวัดอาเจะห์ สุมาตราเหนือ และสุมาตราตะวันตก ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีก 274 คน ฝนตกหนักและดินถล่มทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 5,000 คน โรงพยาบาล โรงเรียน และสำนักงานรัฐได้รับความเสียหายจำนวนมาก สะพานหลายแห่งถูกทำลาย ทำให้หลายพื้นที่กลายเป็นชุมชนโดดเดี่ยว ประชาชนในเมืองบันดาอาเจะห์ต้องต่อคิวยาวเพื่อรับน้ำดื่มและเชื้อเพลิง ขณะที่ราคาสินค้าจำเป็น เช่น ไข่ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดย BNPB ระบุว่า งบประมาณที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูเบื้องต้นอาจสูงถึง 51.8 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านศรีลังกา พายุไซโคลน “ดิตวาห์” ได้พัดถล่มอย่างรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 627 คน ประชาชนกว่า 2 ล้านคน หรือเกือบ 10% ของประชากรทั้งประเทศได้รับผลกระทบ กองทัพศรีลังกาต้องส่งกำลังพลเพิ่มเติมหลายพันนายเพื่อเร่งกู้ภัยและเข้าทำความสะอาดพื้นที่ประสบภัย
พลเอก “ลาสันธา โรดริโก” ผู้บัญชาการกองทัพ ระบุว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 38,500 นายเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่งมากเป็นเกือบสองเท่าของการระดมกำลังครั้งแรก พร้อมระบุว่าตั้งแต่เกิดวิกฤตมา กองกำลังสามารถช่วยเหลือประชาชนได้แล้วกว่า 31,000 คน
รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีอนุรา กุมารา ดิสสนายาเก ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงเงินสนับสนุน 10 ล้านรูปีศรีลังกา (ประมาณ 33,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้ผู้ไร้ที่อยู่อาศัยนำไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่ รวมถึงเงินช่วยเหลือเพื่อยังชีพและซื้อของใช้จำเป็น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณรวมเท่าใด ท่ามกลางสถานการณ์ที่ศรีลังกายังคงฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2565 ซึ่งทำให้ประเทศขาดเงินตราต่างประเทศอย่างหนัก
ประธานาธิบดียอมรับว่า ศรีลังกาไม่สามารถฟื้นฟูประเทศได้เพียงลำพัง และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ฝนมรสุมประจำฤดูเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในภูมิภาคนี้มาช้านาน ช่วยหล่อเลี้ยงภาคเกษตร แต่ด้วยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้รูปแบบฝนมรสุมเปลี่ยนแปลง คาดเดาได้ยากขึ้น และทวีความรุนแรงมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของประเทศเขตร้อนที่ต้องเผชิญสภาพอากาศสุดขั้วบ่อยครั้งขึ้นทุกปี
ที่มา: Reuters
ภาพ: Reuters
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
