เปิดนโยบายปราบโควิดของ "โจ ไบเดน" ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ
วันนี้( 12 พ.ย.63) สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการระบาดโควิด-19 ที่รอบนี้อาจจะรุนแรงกว่ารอบที่แล้ว โดยพบผู้ติดเชื้อรายวันในรอบ 24 ชั่วโมง สูงถึง 145,000 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดเมื่อต้นปี ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากเกือบ 11 ล้านคนแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตขณะนี้เพิ่มเป็นกว่า 240,000 รายแล้ว
ด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ใช้มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่ในวันพุธ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่อัตราการติดเชื้อพุ่งสูงและผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสในช่วงแรก โดยได้สั่งให้บาร์, ร้านอาหารและสนามกีฬาในร่ม หรือโรงยิม ในรัฐนิวยอร์ก ปิดให้บริการในเวลา 22.00 น. และจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าร่วมในงานเลี้ยงส่วนตัวเหลือที่ 10 คน โดยมาตรการใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ หนึ่งวันหลังจากรัฐแคลิฟอร์เนียและอีกหลายรัฐทั่วมิดเวสต์ ใช้มาตรการคุมเข้มประชาชน เพื่อพยายามควบคุมการระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัส
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสที่รักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศจำนวน 61,964 คน นับเป็นสถิติผู้ป่วยต่อวันสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมากกว่าสถิติเก่าเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกว่า 2,000 คน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าหวาดวิตกแล้ว เพราะทำให้สถานรักษาพยาบาลหลายแห่งรับดูแลผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ นี่เป็นปัญหาที่ท้าทายที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งได้เร่งดำเนินการเพียง 2 วันหลังการประกาศชัยไปเมื่อวันเสาร์ ที่ได้มีการตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อรับมือโควิด-19 อย่างเร่งด่วน
สำหรับนโยบายคร่าวๆ ของ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีนั้น ประกอบด้วย
1. สั่งสวมหน้ากากฯทั่วประเทศ
นายไบเดน ประกาศตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ว่า จะขอให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป้าหมายของการใส่หน้ากากฯ ไม่ใช่การทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย หรือเป็นการเอาเสรีภาพไปจากคุณ แต่มันคือการที่คุณให้กลับคืนมาให้ “ชีวิตปกติ” กลับคืนมา โดยเร็วที่สุด” เป้าหมายคือ การกลับไปใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุดและหน้ากากจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดมันจะไม่อยู่ตลอดไป
2. เพิ่มการตรวจเชื้อให้ฟรี-สะดวกขึ้น
ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ย้ำหลายต่อหลายครั้งว่า เพราะมีการตรวจหาเชื้อเยอะจึงทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นด้วย โดยนายไบเดนได้เรียกร้องให้ขยายการตรวจหาเชื้ออีก โดยวางแผนที่จะขยายการตรวจฟรี ให้ทุกคนที่จำเป็น โดยจะเพิ่มจุดตรวจแบบ drive-thru ในทุกรัฐ เพราะมีคนที่ติดเชื้อและมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือบางคนไม่มีอาการเลย ซึ่งหากเพิ่มการตรวจเชื้อก็จะทำให้การแพร่เชื้อเกิดขึ้นได้ช้าลง โดยมีงานวิจัยเผยแพร่เมื่อเดือนกันยายนในนิตยสาร Nature เตือนว่า สถานการณ์อัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯมันต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะมีการตรวจเชื้อเพียงบางกลุ่ม คือคนที่มีอาการปานกลางและรุนแรง ดังนั้นคนป่วยเล็กน้อยและไม่ได้รับการตรวจนับเป็นตัวแพร่เชื้อที่ดีหากไม่ได้รับการกักตัวที่ทำให้ระบาดหนัก
3. สนับสนุนการพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัยและการกระจายวัคซีนที่เหมาะสม
เพียงไม่นานหลังจากที่ไบเดนประกาศตั้งคณะทำงานโควิด-19 บ.ยายักษ์ใหญ่อย่าง Pfizer ประกาศว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ที่กำลังพัฒนาอยู่นั้นมีประสิทธิภาพกันโควิด-19 ได้ถึง 90% โดยนายไบเดนได้กล่าวแสดงความยินดีกับการพัฒนาเมื่อวันจันทร์ แต่กระนั้นเองนายไบเดนย้ำถึงความ “ปลอดภัย – หลักวิทยาศาตร์และกระบวนการทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน” เพื่อความมั่นใจให้กับชาวอเมริกัน อีกทั้งปริมาณของวัคซีนในการผลิตช่วงแรกจะยังน้อยจึงจะมีเพียงกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับวัคซีนก่อน
ล่าสุดหนึ่งในที่ปรึกษาโควิด-19 ของไบเดน ดร.ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม (Michael Osterholm) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดแห่งมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ให้สัมภาษณ์ Yahoo เสนอแนวคิดที่จะล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง (lockdown 2.0) นาน 4-6 สัปดาห์ เพื่อหวังลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง และเยียวยาเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน โดยระบุว่า เราสามารถออกแพคเกจให้ความช่วยเหลือที่จะช่วยคนทุกระดับ ทั้งคนยากจน รายได้น้อยและคนงานภาคส่วนต่างๆที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังเสนอแนวทางที่ให้รัฐบาลออกเงินกู้กลางให้บรรดาธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่อาจทำให้การระบาดมันดีขึ้น เหมือนที่เกิดขึ้นในเอเชีย นิวซีแลนด์และออสเตรเลียในเวลานี้
ดร.ออสเตอร์โฮล์ม บอกว่า วิธีดังกล่าวจะปกป้องเศรษฐกิจได้ จนกว่าวัคซีนจะสำเร็จ ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้ได้จริงในปีหน้า
ขณะเดียวกกัน ก็กังวลเรื่องที่ชาวอเมริกันจะกลับมารวมตัวกันในสถานที่ปิดเป็นจำนวนมากอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นการระบาดชั้นดี จึงเรียกร้องให้ประชาชนเว้นระยะห่างและปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขเคร่งครัด หากมีการล็อกดาวน์อีกรอบ
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE