ไทยพบรายแรก ติดโควิด สายพันธุ์อินเดีย เป็นหญิงไทยวัย 42 ปี เดินทางจากปากีสถาน
ไทยพบรายแรก ติดโควิด สายพันธุ์อินเดีย เป็นหญิงไทยตั้งครรภ์ เดินทางจากปากีสถาน ขณะที่เที่ยวบินพิเศษ พบติดโควิด 5 ราย
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ( ศบค.) เปิดเผยว่า วันนี้ในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กได้มีการรายงานผู้เดินทางมาจากปากีสถาน มีการตรวจพบสายพันธุ์ อินเดีย เป็นรายแรกของประเทศไทย จากการรายงานของกรมควบคุมโรค กรณีของหญิงไทย เป็นชาวไทย อายุ 42 ปี ตั้งครรภ์ 25 สัปดาห์ด้วย
สำหรับหญิงคนดังกล่าวมีภูมิลำเนาก่อนหน้านี้อยู่ที่ปากีสถาน เดินนทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2564 ก่อนเดินทางมีการแวะพักเครื่องที่ดูไบ โดยหญิงเคสนี้เดินทางาพร้อมบุตรชาย 3 คน อายุ 4 ปี 6 ปี และ 8 ปี
เมื่อเดินทางมาตามระบบก็ได้รับการจัดสรรให้อยู่ใน State Quarantine โดยหญิงคนนี้อยู่ร่วมกับบุตรชายอายุ 4 ขวบ ส่วนบุตรชายอีก 2 คนไปอยู่อีกห้องหนึ่ง วันที่ 26 เมษายน พบว่าการตรวจโควิด ครั้งที่ 1 หญิงคนนี้รวมบุตรชายอายุ 4 ปี มีผลเป็นบวก คือยืนยันว่าติดเชื้อโควิด ขณะที่ลูกชายอีก 2 คน ซึ่งอยู่คนละห้อง มีผลเป็นลบ
วันที่ 9 พ.ค. เนื่องจากเขาเดินทางมาจากปากีสถาน ทางกรมควบคุมโรค ซึ่งมีการเฝ้าระวังสายพันธุ์อินเดียอยู่แล้ว ได้ใช้วิธีตรวจแบบ Whole Genome Sequencing โดยศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย พบยืนยันว่าเป็นสายพันธุือินเดีย B 1617.1 ก็เป็นการยืนยัน ซึ่งสายพันธุ์อินเดียนี้ระบาดมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 และตอนนี้เริ่มมีการรายงานแพร่เชื้อไปที่ ปากีสถาน บังคลาเทศ รวมทั้งเนปาลด้วย
นอกจากนี้ประเทศทางยุโรป คือ อังกฤษ และเยอรมนี ก็มีการรายงานพบสายพันธุ์อินเดีย รวมทั้งที่สหรัฐอเมริกา และที่เอเชียมีรายงานแล้วที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และบาห์เรนด้วย ซึ่งทำให้ที่ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงในเรื่องของเชื้อกลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หรือกลายพันธุ์ที่จะพัฒนา เกิดการกลายพันธุ์ในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ ศบค.ยังได้รายงานตัวเลขของผู้เดินทางคนไทยจากประเทศอินเดีย ที่ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 16.40 น. วันที่ 8 พฤษภาคม โดยเที่ยวบินพิเศษ
โดย ผู้เดินทางเป็นคนไทยทั้งหมด 74 คน เป็นเพศชาย 54 คน เพศหญิง 20 ราย อายุระหว่าง 14-64 ปี พักอาศัยในหลายเมือง อาทิ เชนไน บังกาลอร์ และมุมไบ เข้าพักใน State Quarantine 38 คน และ Alternative state quaratine 36 คน
ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง มีผลการตรวจโควิด ผลเป็นลบทุกราย ตรวจคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโคติดต่อระหว่างประเทศ ไม่พบผู้เดินทางมีไข้ หรือ อาการทางเดินหายใจ เก็บ NPS ผู้เดินทางทุกราย ส่งผลตรวจหาเชื้อโควิด ณ ด่านควบคุมโรค สนามบินสุวรรณภูมิ ผลตรวจเป็นบวกรวม 5 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่พบผลเป็นบวก 5 ราย เป็นการติดเชื้อไม่แสดงอาการ เป็นเพศชาย 1 ราย และเพศหญิง 3 ราย จาก เชนไน และมุมไบ อยู่ในด่านกักกันโรค 5 ราย ส่งตรวจระบุเชื้อกลายพันธุ์ ที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก