'ม.แม่โจ้' แถลงยุติจำหน่ายพันธุ์กัญชา ย้ำต้องจองผ่านออนไลน์เท่านั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ม.แม่โจ้) ศ.ดร.อานัฐ ตันโช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แม่โจ้ ผศ.พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดี ม.แม่โจ้ ร่วมกันแถลงข่าวแถลงการณ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ฉบับ 2) และกรณีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แม่โจ้ ที่เกิดขึ้นวานนี้ในช่วงจำหน่ายต้นพันธุ์กัญชาแก่ประชาชนที่จองผ่านระบบออนไลน์ที่บริเวณด้านหน้า ม.แม่โจ้
โดย รศ.ดร.วีระพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ม.แม่โจ้ ออกแถลงการณ์ .แม่โจ้ ไปแล้วหลังมีการประกาศเสรีกัญชาในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยคณะผู้บริหารและสภามหาวิทยาลัยมีความเห็นร่วมกัน 5 ข้อ คือ 1. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอสนับสนุนในนโยบายของรัฐบาลเรื่องกัญชาเสรีเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 2. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอสนับสนุนนโยบายกัญชาทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงของประชาชนทางด้านสุขภาพอนามัย และการรักษาตนเองสำหรับผู้ป่วย 3. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอสนับสนุนให้มีกฎหมายกำกับดูแลการใช้กัญชาเชิงสันทนาการอย่างเข้มงวดสำหรับเด็กและเยาวชน 4. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอสนับสนุนและส่งเสริมให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยตัวใหม่ โดยกระบวนการผลิตจะต้องถูกสุขอนามัยและปลอดสารพิษ และ 5. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอปวารณาตัวในการเป็นแหล่งความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องกัญชา เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า วิจัย และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านกัญชาสู่สังคม
“วันนี้ ม.แม่โจ้ ขอแถลงการณ์มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ฉบับ 2) โดยคณะผู้บริหารและสภามหาวิทยาลัยมีความเห็นเพิ่มเติมจากแถลงการณ์มหาวิทยาลัย (ฉบับที่ 1) ดังนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอสนับสนุนการใช้กัญชาเฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น และไม่ใช้เพื่อสันทนาการอย่างเด็ดขาด โดยขอให้มีการควบคุมการโฆษณาในสื่อต่างๆ ทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างหรือภาพชินตาต่อเด็ก เยาวชน และประชาชนในระยะยาว 2. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอสนับสนุนให้สถานศึกษา และผู้ปกครองดูแล เด็ก นักศึกษา และเยาวชนทุกคนให้ห่างไกลจากกัญชาเชิงสันทนาการทุกรูปแบบ 3. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอสนับสนุนให้ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชา โดยจัดให้มีมาตรการและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตาม ดูแลการนำกัญชาไปใช้อย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและสังคม”รศ.ดร.วีระพล กล่าว
รศ.ดร.วีระพล กล่าวว่า จากนี้ไปเราจะต้องรัดกุมมากขึ้นในการจัดจำหน่าย และสายพันธุ์กัญชาของเราเป็นอินทรีย์แท้ การันตี 60-90% ว่าเป็นเพศเมีย ที่ผ่านมาเราเน้นการจองออนไลน์และโอนเงินเข้าบัญชีเท่านั้น เพื่อความโปร่งใสและส่งมอบตามลำดับ และการดำเนินคดีเป็นไปเพื่อบันทึกไว้เป็รหลักฐานไม่อยากดำเนินคดีใดๆ
ส่วน ศ.ดร.อานัฐ กล่าวเสริมว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แม่โจ้ ขอออกแถลงการณ์ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ เรื่อง เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชา ติ ม.แม่โจ้ ขอแสดงความเสียใจ พร้อมประกาศยุติการวางขายตันกล้าพันธุ์กัญชา เจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยผู้ที่ไม่พอใจที่ไม่สามารถซื้อได้ทัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติขอปรับวิธีการจัดสรรเป็นให้จองซื้อล่วงหน้าและนัดรับเท่านั้น
จากกรณีที่ช่วงสายของวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แม่โจ้ กำลังอำนวยความสะดวกในการขายต้นกล้ากัญชาสายพันธุ์แม่โจ้ 03 ให้กับประชาชนทั่วไปที่สนใจ ณ กาดแม่โจ้ 2477 บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ม.แม่โจ้ ในการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและดูแลสุขภาพ หลังจากที่มีการเปิดเสรี กัญชา กัญชง ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยเบื้องต้นจำกัดจำนวนตันกล้าที่ขายในแต่ละวันจำนวน 400 ตัน และจำกัดจำนวนการขายให้รายละไม่เกิน 5 ต้น เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง เหตุเพราะต้นกลัากัญชาที่เพาะได้มีจำนวนจำกัดยังไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ปรากฏว่าได้เกิดเหตุการณ์ชายรายหนึ่งทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่สามารถซื้อกล้าพันธุ์กัญชาได้ เพราะมีผู้ให้ความสนใจเข้าคิวซื้อเป็นจำนวนมากและต้นกล้าที่จัดเตรียมไว้หมด
เบื้องต้นจากกรณีตังกล่าวทางศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แมโจ้ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเบื้องตันทางเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายร่างกายได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ณ สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ขณะเดียว กันเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิดและจัดระเบียบในการจัดสรรตันกล้ากัญชาให้ประชาชนที่มีความต้องการ ดังนั้นทางศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรมชาติ ม.แมโจ้ จะยุติการขายต้นกล้าพันธุ์กัญชาสายพันธุ์แม่โจ้ 03 ด้วยการจัดสรรนำไปวางขายกาดแม่โจ้ 2477 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะคงเปิดขายเฉพาะวิธีการจองซื้อล่วงหน้าและนัดหมายรับต้นกล้ากัญชา ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ ม.แม่โจ้ เท่านั้น ซึ่งจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป จำนวนวันละ 10,000 ต้น ทั้งนี้ขอยืนยันเจตนารมณ์ของ ม.โจ้ ในการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์กัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและดูแลสุขภาพ
ศ.ดร.อานัฐ กล่าวอีกว่า ครั้งนี้ ม.แม่โจ้ถูกคุกคาม เพราะมาตอน 10.00 น. โววายและไม่ยอมรอคิว มาตะโกนด่าอย่างเดียว พร้อมระบุว่าเสียภาษีนะทำไมซื้อกัญชาไม่ได้ และยังข่มขู่ว่าจะยกพวกมาอีกครั้งเนื่องจากไม่ยอมรับกติกาที่วางไว้ ทำให้ ม.แม่โจ้ ต้องตั้งรับเหตุการณ์ เพราะเจ้าหน้าที่พยายามป้องกันตนเองไม่ได้ทำร้ายคนก่อเหตุก่อนเลย จึงจำเป็นต้องยุติการจำหน่ายที่ด้านหน้า ม.แม่โจ้ไปก่อน และเร่งเยียวยาพลเมืองดีที่ได้รับบาดเจ็บไปด้วย และขอยืนยันว่าในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ บุคคลที่จองไว้สามารถเดินทางมารับได้ 10,000 ต้นต่อวัน และจะมีการประสานให้ผู้ถึงคิวมารับโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 11มิถุนายน มีคนจองมาจำนวน 6,022 คน จำนวน 148,322 ต้น และจองด้วยวาจา จำนวน 50,000 ต้น ซึ่งเรายืนว่าจะสามารถผลิตต้นกล้าได้ 1 ล้านต้น เราไม่มีเจตนาให้เกิดเรื่องแต่อย่างใด
ผศ.พาวิน กล่าวสรุปประเด็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทซื้อต้นกล้ากัญชา ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ณ กาดแม่โจ้ 2477 บริเวณหน้า ม.แม่โจ้ คือ 1.ลูกค้า/คู่กรณีมาทีหลัง ไม่ยอมรับระบบคิว และการจองออนไลน์ 2.พูดจาก่อกวนยั่วยุ และด่าทอถึงมหาวิทยาลัย อธิการบดี ผอ.ศูนย์ฯ คณาจารย์ และผู้รับผิดชอบของ ม.แม่โจ้
3.ผู้บาดเจ็บ มี 2 คน คือ 1. พลเมืองดีผู้เข้าห้ามปราม (ผู้มาซื้อต้นกัญชา) บาดเจ็บบริเวณนิ้วเท้าด้านซ้ายมีแผลเปิด และเลือดกำเดาไหล 2. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ (ผู้ปฏิบัติหน้าที่) ปวดตามร่างกาย และมีแผลช้ำบริเวณระหว่างคิ้ว 4. ชายไม่ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ อายุ 50 ปี ตามแหล่งข่าวแจ้งว่าเป็นคนมาจาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่
“ม.แม่โจ้ มีการปฏิบัติตามขั้นตอนเพราะเป็นเรื่องที่ต้องการของคนหมู่มาก จองก่อนได้ก่อน จากนี้จะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยจึงเปิดจองเท่านั้น”
ทางด้าน พ.ต.ท.จีรศักดิ์ นาคำ พนักงานสอบสวน สภ.แม่โจ้ ระบุว่า ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายไม่ได้ติดใจเอาความ เลยไม่แจ้งเป็นคดีไว้ เพียงแต่มาลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น จึงไม่มีการเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแต่อย่างใด