จีนอาจบุกไต้หวันใน 4 ปี กลาโหมไต้หวันชี้ จีนกำลังสั่งสมกำลัง พร้อมรุกรานเต็มรูปแบบภายในปี 2025
◾◾◾
🔴 สงครามที่พร้อมปะทุตลอดเวลา
ชิว กว๋อเจิ้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไต้หวัน กล่าวว่า จีนแผ่นดินใหญ่จะสามารถโจมตีไต้หวันได้เต็มรูปแบบ ภายในปี 2025
พร้อมเตือนถึงความเสี่ยง ที่จะเกิดความขัดแย้งข้ามช่องแคบ หลังจีนส่งเครื่องบินรบเข้าใกล้ไต้หวันเกือบ 150 ลำ ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลไต้หวัน
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ตั้งแต่เป็นทหารมา” ชิว กล่าวในการประชุมสภานิติบัญญัติ เกี่ยวกับการคุกคามโดยเครื่องบินรบของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน หรือ ADIZ
เขากล่าวว่า ภายในปี 2025 จีนจะสามารถลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้น้อยที่สุด ซึ่งหมายความว่าจะมี “ความสามารถเต็มกำลัง” ในการทำสงคราม แต่จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ก่อนจึงจะทำเช่นนั้นได้
ทั้งนี้ จีนถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และให้คำมั่นว่าจะควบคุมไต้หวันด้วยกำลัง หากจำเป็น
◾◾◾
🔴 กองทัพจีนส่งเครื่องบินเข้าใกล้ต่อเนื่อง
จีนยกระดับการข่มขู่ทางทหารต่อไต้หวัน ด้วยการส่งเครื่องบินรบเกือบ 150 ลำ รวมทั้งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิด ไปยังเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน ตั้งแต่วันศุกร์ (1 ตุลาคม) ที่ผ่านมา
ขณะที่เครื่องบินรบส่วนใหญ่ บินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเขตป้องกันภัยทางอากาศไต้หวัน แต่บางลำกลับมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อไต้หวัน
กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ยังส่งเครื่องบินรบเข้าคุกคามไต้หวันเกือบทุกวัน แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้ กลับส่งเครื่องบินรบเข้าคุกคามในช่วงกลางคืนเพิ่มด้วย
◾◾◾
🔴 แม้ไม่ปรารถนาสงคราม ก็ต้องพร้อมรับมือ
เมื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติ ถามเกี่ยวกับความสามารถของจีนในการโจมตีไต้หวัน ชิว กว๋อเจิ้ง ตอบว่า “คอมมิวนิสต์จีนมีความสามารถในการทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่พวกเขาจำเป็นต้องคำนึงถึงต้นทุนและผลที่ตามมาหากเริ่มต้นสงคราม”
ในแง่ของความเสี่ยง ชิวกล่าวว่า สถานการณ์อยู่ในจุดที่หากตัดสินใจผิดพลาด อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่คาดคิดได้
และกล่าวต่อว่า เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากศัตรู ไต้หวันจำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งด้านการป้องกันอย่างเร่งด่วน โดยการจัดซื้ออาวุธเพิ่มเติม
“ไต้หวันไม่ได้แข่งขันด้านอาวุธกับจีน เพราะไม่มีงบประมาณและความสามารถที่จะกระทำเช่นนั้น” ชิวกล่าว แต่สิ่งที่ไต้หวันสามารถทำได้ คือให้จีนแผ่นดินใหญ่ประเมินผลกระทบที่ตามมา หากเกิดความขัดแย้งกับไต้หวัน
◾◾◾
🔴 ไต้หวันต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง
ส่วนประเด็นที่ว่า ไต้หวันประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธ “หยุนเฟิง” (Yun Feng) ซึ่งมีพิสัยทำการ 1,200 กม. หรือไม่ ชิวตอบเพียงแค่ว่า ไต้หวันทุ่มเทอย่างหนักกับการพัฒนาขีปนาวุธดังกล่าว เพราะไต้หวันต้องไม่พึ่งพาผู้อื่นเพื่อความปลอดภัยของประเทศ และต้องป้องกันการรุกรานจากศัตรูได้ด้วยตัวเอง
“ในฐานะสมาชิกของกองทัพ แทนที่จะเชื่อมั่นในคำพูดของคนอื่น ไต้หวันมีความเชื่อเพียงอย่างเดียว นั่นคือ ไต้หวันสามารถปกป้องตนเองได้” เขากล่าวถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะช่วยเหลือไต้หวัน
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ทางทหารหลักให้กับไต้หวัน ได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่ “แข็งแกร่ง” ที่มีต่อไต้หวันและวิพากษ์วิจารณ์จีน ขณะที่จีนตำหนินโยบายของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนไต้หวัน หลังสหรัฐฯ ขายอาวุธและส่งเรือรบผ่านช่องแคบไต้หวัน เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวันทวีความรุนแรงขึ้น
◾◾◾
🔴 สายสัมพันธ์สามชาติที่ยังไม่เจอทางออก
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (5 ตุลาคม) ว่า เขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เกี่ยวกับไต้หวัน และผู้นำทั้งสองเห็นพ้อง ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงไต้หวัน
“การพูดคุยกับผู้นำสี จิ้นผิง เราทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงไต้หวัน” ไบเดนกล่าว “เราชี้แจงประเด็นดังกล่าวอย่างชัดเจน และไม่คิดว่า ผู้นำจีนจะเห็นเป็นอื่นนอกไปจากการยึดมั่นในข้อตกลงไต้หวัน ”
คาดกันว่า ไบเดนอ้างถึง “นโยบายจีนเดียว” ที่มีมาช้านานของสหรัฐฯ ภายใต้การยอมรับจีนอย่างเป็นทางการมากกว่าไต้หวัน รวมถึง “กฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน” ของสหรัฐฯ ซึ่งระบุชัดเจนว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทนที่จะเป็นไต้หวัน ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า อนาคตของไต้หวันจะถูกกำหนดโดยสันติวิธี