สาวกระบี่ วอนช่วยพ่อหายตัวปริศนานาน 1 สัปดาห์ เผยมีแชตลึกลับบอกถูกฆ่าฝังดินแล้ว
จากเหตุการณ์หนุ่มใหญ่วัย 54 ปี หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์ ลูกสาว และญาติ ๆ ช่วยกันโพสต์ภาพและข้อความตามหา รวมถึงแจ้งความแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบนางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี ผู้สูญหาย สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนางอารักษ์แจ้งว่าได้เข้าแจ้งความคนหายไว้แล้ว ที่สภ.ลำทับ จ.กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบเบาะแส
นางอารักษ์ กล่าวว่า นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. โดยขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่ บอกว่าจะไปทำธุระในตัวเมือง จ.กระบี่ โดยนำโฉนดที่ดินไป 2 ฉบับ บอกจะไปกู้เงินที่ธนาคาร และบอกว่าจะไปเก็บเงินที่เพื่อนค้างจ่าย เพราะเพื่อนโทรศัพท์บอกให้เข้าไปเอาเงิน แต่หลังจากนั้นในช่วงเย็นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ครั้งสุดท้ายที่สามารถติดต่อได้ คือช่วงประมาณ 12.00 น. นายสุชาติเป็นผู้ติดต่อมาบอกกับแม่เลี้ยงของนางอารักษ์ให้ช่วยนำกุญแจรถให้เพื่อนของนายสุชาติ ขอยืนรถไปบรรทุกปาล์ม จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ซึ่งปกตินายสุชาติจะเป็นที่ติดต่อกลับมาบ้านตลอดไม่ว่าจะไปไหนก็ตามจะบอกที่บ้านเสมอ และจะกลับมานอนบ้านเป็นประจำ
นางอารักษ์ กล่าวว่า ปมสาเหตุที่พ่อหายตัวไป ยังไม่แน่ใจ แต่จากการสอบถามจากตำรวจ ตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แต่ยังไม่เชื่อ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่ดิน เพราะนายสุชาติก็เป็นแกนนำม็อบเรียกร้องที่ดินทำกิน และมีผลประโยชน์เรื่องที่ดินหลายแห่งที่ตนก็ไม่ทราบทั้งหมด หลังสุชาติหายตัวไปก็เข้าแจ้งความไว้ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า เท่าที่ทราบจากตำรวจแค่บอกว่านายสุชาติมาเอาเงินจากเพื่อนในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยส่วนตัว ไม่มั่นใจว่านายสุชาติปลอดภัยหรือไม่ หากยังมีชีวิตอยู่ ก็อยากให้รู้ว่าทุกคนกำลังเป็นห่วง ขอให้หาทางติดต่อกลับมาทางบ้านโดยเร็ว
นางน้ำค้าง สิงห์พิลา อายุ 42 ปี ภรรยาของนายสุชาติ กล่าวว่า การหายตัวไปของสามี ได้ติดต่อครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประมาณเวลา 11.00 น.เศษ และติดต่ออีกทีในเวลา 18.00 น. เพื่อบอกว่าจะกลับมาทานข้าวด้วย จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ โดยปกติจะโทรบอกเสมอ หากไม่กลับบ้านก็ต้องโทรบอกทุกครั้ง ส่วนปัญหาส่วนตัวตนเองก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกัน แต่บ่นให้ฟังเรื่องเพื่อนยืมเงินไป ตัวสามีก็เครียดเพราะต้องหาเงินมาจ่ายค่าจ้างรถแบ็คโฮ หลังสุดก็บอกว่าเพื่อนคนดังกล่าว กู้เงินได้แล้วเพราะธนาคารโทรมาบอก สามีก็บอกว่าจะไปตามทวงเงินคืนมาก่อน ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นปมมาจากเรื่องหนี้สินดังกล่าว และเรื่องปัญหาที่ดินที่สามีไปทำกับเพื่อน ๆ แต่เชื่อว่าสามียังมีชีวิตอยู่ อยากให้สามีกลับบ้านได้แล้ว
ด้านนางวารุณี จันทร์ส่งแสง อายุ 36 ปี หลานสาวของนายสุชาติ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีบุคคลปริศนา ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เสือหยบ คนลาว” ส่งแชตข้อความไปหาลูกสาวของนายสุชาติ พร้อมกับแจ้งว่า นายสุชาติ ถูกฆ่าตายแล้ว และถูกนำศพไปฝังดิน ส่วนรถถูกเผาและฝังดินแล้ว โดยระบุว่ากลุ่มคนที่ลงมือทำ เป็นคนที่นายสุชาติ ไปเก็บเงิน เพราะเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ ค่อนข้างมีอิทธิพลเพราะรู้จักคนใหญ่คนโตในพื้นที่
“เป็นคนสุดท้ายที่ได้โทรศัพท์คุยด้วย บอกว่าเพื่อนโทรมาให้ไปเอาเงินที่ติดค้างค่าที่ ต.อ่างนาง และบอกว่าจะไปรับช่างใหม่ ซึ่งเป็นญาติกันให้ไปเป็นเพื่อ จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก สอบถามไปช่างใหม่ ทราบว่าวันดังกล่าวนายสุชาติไปหาช่างใหม่ที่อู่ซ่อมรถในตัวเมืองกระบี่จริง แต่ช่างใหม่ไม่อยู่นายสุชาติ นายสุชาติจึงออกไปเพียงคนเดียว โดยมีกล้องวงจรปิดที่อู่ซ่อมรถของช่างใหม่ บันทึกภาพไว้ได้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายสุชาติ ได้อีกเลย แต่วันเดียวกัน ประมาณ 16.00 น. มีสายจากแอพพลิเคชั่นไลน์ของนายสุชาติ โทรเข้ามาหา แต่ไม่ได้รับสาย พอโทรกลับไปก็ไม่มีคนรับแล้ว และเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีคนใช้เฟซบุ๊กปลอมทักมาที่ลูกสาวนายสุชาติ บอกว่าเจ้าตัวเข้าไปที่บ้านเพื่อนชื่อบังฟิต แล้วถูกขังไว้ 2 คืน และถูกยิงตายแล้ว เอาศพไปฝัง และเอารถเก๋งไปเผา พอสอบถามคนดังกล่าวว่าเป็นใคร ก็ไม่ยอมบอก มีการพูดถึงบังฟิต คือคนที่เป็นลูกหนี้นายสุชาติ ซึ่งนายสุชาติเคยกู้เงินให้ 300,000 บาท แล้วรับปากว่าจะกู้เงินเพื่อนำมาคืนนายสุชาติ แต่ไม่ยอมคืนให้ นายสุชาติ เลยโมโหและโทรศัพท์ไปขู่บังฟิต โดยส่วนตัวตนเชื่อว่ามี 2 เรื่องที่เป็นสาเหตุการหายตัว คือขัดกับบังฟิต และเรื่องที่นายสุชาติ เป็นแกนนำม็อบเรียกร้องที่ดินทำกิน ซึ่งอาจจะไปขัดผลประโยชน์กับนายทุนหลายพื้นที่หรือไม่” นางวารุณี กล่าว