รีเซต

"อาเซียน"-5 ใครมี"ทุนสำรองฯ"แข็งแกร่งที่สุด?

"อาเซียน"-5 ใครมี"ทุนสำรองฯ"แข็งแกร่งที่สุด?
TNN ช่อง16
23 มิถุนายน 2568 ( 11:55 )
11

ทุนสำรองระหว่างประเทศ  คือเงินตราต่างประเทศและสินทรัพย์มีค่าที่ธนาคารกลางสะสมไว้เหมือน “กองทุนฉุกเฉิน” ขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะถูกดึงมาใช้ในยามวิกฤต เช่น เมื่อเอกชนหรือรัฐบาลไม่สามารถหาเงินตราต่างประเทศในตลาดได้ หรือเมื่อค่าเงินของประเทศกำลังจะผันผวนจนทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอน ธนาคารกลางก็จะใช้ทุนสำรองนี้เข้ามา “แทรกแซง” ลดความผันผวนเหล่านั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงระบบการเงินประเทศ 

แต่ประเทศควรมีทุนสำรองฯมากแค่ไหนถึงจะปลอดภัย?  มีเกณฑ์สากลที่ใช้วัดกันคือ หากทุนสำรองฯของประเทศสามารถรองรับการนำเข้าสินค้าและบริการได้มากกว่า 3 เดือน หรือสามารถชำระหนี้ต่างประเทศระยะสั้นที่ครบกำหนดใน 1 ปีข้างหน้าได้ทั้งหมด นั่นแปลว่า “ประเทศนั้นมีเกราะป้องกันทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเพียงพอ”

แล้วในกลุ่มประเทศอาเซียน 5 ประเทศ “อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย” ใครแกร่งสุด?

จากข้อมูลรวบรวมโดย "คุณกุสุมา ธะนะวงศ์” นักเศรษฐศาสตร์ Bnomics  ธนาคารกรุงเทพ พบว่า  สิงคโปร์  เป็นประเทศยืนหนึ่งแบบทิ้งห่าง มีทุนสำรองฯกว่า 390,000 ล้านดอลลาร์  มากที่สุดในกลุ่ม ASEAN-5 และติดอันดับต้น ๆ ของโลกเมื่อเทียบกับ GDP ด้วยความเป็นศูนย์กลางการเงินโลก สิงคโปร์จึงสะสมทุนสำรองมหาศาลเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดโลกและรักษาเสถียรภาพค่าเงิน



สำหรับไทย  เป็นรองแชมป์ที่ยังมั่นคง มีทุนสำรองฯราว 260,000 ล้านดอลลาร์ ถือว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น และเพียงพอต่อการนำเข้าเกิน 8 เดือน

ตามด้วยอินโดนีเซีย มีทุนสำรองฯอยู่ที่ 150,000 ล้านดอลลาร์  ถือว่ามีเสถียรภาพแต่ต้องระวัง เนื่องจากยังเผชิญแรงกดดันจากทุนไหลออกและค่าเงินที่ผันผวนง่าย

ขณะที่ มาเลเซีย  มีทุนสำรองฯที่ราว 120,000 ล้านดอลลาร์ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอ แต่มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีที่ขึ้นอยู่กับวัฏจักรโลก  


และ ฟิลิปปินส์ มีทุนสำรองประมาณ 110,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงโควิด โดยยังพอรองรับการนำเข้าได้ราว 7 เดือน แต่หากสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออกผันผวนมากกว่านี้ อาจต้องระวัง 

ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ที่มาก ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจจะแข็งแรงเสมอไป แต่จะเป็น “กันชน” สำคัญในโลกที่เปราะบาง ใครมีมากย่อมรับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า ซึ่งประเทศไทยรู้ดีว่า ทุนสำรองฯ ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่คือเครื่องมือประคองเสถียรภาพยามวิกฤต 

นักเศรษฐศาสตร์ Bnomics  ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า การวิเคราะห์เงินสำรองฯที่แท้จริงต้องมองลึกทั้ง “ภาระนำเข้า” และ “หนี้ระยะสั้น” และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในโลกที่ไม่แน่นอน “ความยืดหยุ่น” คือแต้มต่อที่ประเมินค่าไม่ได้ 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง