แม่ขอคำสั่งศาลจีน ห้ามพ่อบังคับลูกอนุบาล เรียนวิชาระดับมหา'ลัย
เซาท์ ไชนา มอร์นิงโพสต์ รายงานคดีสะท้อนการต่อสู้กับอำนาจนิยมในครอบครัว เมื่อคุณแม่ชาวจีนขอให้ศาลออกคำสั่งห้ามสามีบังคับลูกๆ อายุ 5 ขวบ และ 7 ขวบให้เรียนหนังสือระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยด้วยการตีและด่าทอ เท่ากับใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ศาลประชาชนกลางเมืองหนานหนิง มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน เปิดเผยคำสั่งศาลทางแอปพลิเคชัน WeChat ว่าออกคำสั่งห้ามตามคำร้องที่ผู้หญิงคนนี้ขอร้องเป็นเวลา 3 เดือน ไม่ให้พ่อของเด็ก บังคับลูกๆ ด้วยการคุกคาม เฆี่ยนตีหรือข่มขู่
ชาวจีนเรียกพ่อแม่ที่หมกมุ่นเรื่องการศึกษาของลูกและควบคุมลูกๆ มากเกินไปว่า “พ่อแม่พยัคฆ์” ซึ่งพ่อแม่เหล่านี้จะกวดขันเรื่องการเรียนของลูกมากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ แต่น้อยคนนักที่จะขึ้นศาล
พ่อแม่ในจีนแผ่นดินใหญ่มักให้ลูกเรียนล้ำหน้าเพื่อนๆ เพราะเชื่อว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เรียนเกินกว่าที่ครูสอน ทำให้รัฐบาลออกมาตรการปฏิรูปการศึกษาเมื่อเดือน ก.ค. เช่น ห้ามเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนพื่อลดความกดดันเด็ก
ศาลกล่าวว่าลูกชายของผู้หญิงแซ่เจิ้งกำลังเรียนชั้นประถม ส่วนลูกสาวอยู่ชั้นอนุบาล แต่พ่อแซ่เหมาซึ่งจบปริญญาเอก มักจะสอนลูกๆ ให้เรียนวิชาในระดับชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัย เช่น “เหวิน เหยียน เหวิน” หรือวรรณคดีคลาสสิคที่ใช้ภาษาจีนโบราณซึ่งใช้เรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย รวมทั้ง ให้เรียนคณิตศาสตร์แคลคูลัสในระดับมหาวิทยาลัย
เจิ้งกล่าวว่าสามีบังคับลูกให้เรียนจนดึกทุกคืนและใช้คำพูดรุนแรงกับลูกๆ รวมทั้ง ตีลูกระหว่างสอนหนังสือ
ขณะที่สมาคมสตรีท้องถิ่นและครูของเด็กๆ อ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนเหมาปฏิเสธที่จะเจรจาประนีประนอมกับตำรวจและไม่ยอมมาฟังศาลพิจาณา หลังจากเจิ้งฟ้องศาลให้ออกคำสั่งควบคุม
ศาลกล่าวว่าจากการสอบสวนพบว่าเหมาสอนลูกๆ ด้วยวิธีการที่ผิด ทั้งการทำร้ายและเฆี่ยนตี ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อสภาพจิตใจของลูกๆ
แม้ว่าไม่ได้ทำให้จิตใจเด็กๆ ย่ำแย่มากนัก แต่จะเป็นปัญหาด้านจิตใจในระยะยาวซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัว การให้การศึกษาด้วยวิธีการล้าหลังเช่นนี้มีผลต่อสุขภาพจิตของเด็ก เพียงเพราะผู้เป็นพ่อกลัวว่าลูกๆ จะเรียนแพ้เพื่อน จึงยัดเยียดความรู้ให้เรียนเยอะๆ ซึ่งเขาคิดว่าถูกต้อง แต่กลับเป็นผลร้ายต่อจิตใจเด็กๆ และการพัฒนาความเฉลียวฉลาด เหมือนกับการดึงต้นกล้าเพื่อหวังว่าต้นไม้จะได้โต
กรณีพ่อพยัคฆ์คนนี้กลายเป็นข่าวดังที่มีคนอ่านมากที่สุดในแอปพลิเคชันไป่ตู้เมื่อวันพุธที่ 15 ธ.ค.
ผู้ใช้ไป่ตู้คนหนึ่งแสดงความเห็นว่าพ่อคงเสียสติไปแล้ว เด็กอายุแค่ 7 ขวบหรือ 5 ขวบหลายคนยังอ่านตัวหนังสือจีนไม่ออกด้วยซ้ำ