MOTHER อัพเป้ารายได้ รับเต็มนโยบายรัฐกระตุ้น

#MOTHER #ทันหุ้น - MOTHER ปรับเป้ารายได้ปี 2568 ขึ้นโต 8% แตะ 1.4 พันล้านบาท จากเดิม 5% รับแรงหนุนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่งพลัส ไฮซีซันท่องเที่ยวกระบี่ ดันยอดขายพุ่งแรง เร่งตุนสต๊อกสินค้าลดต้นทุน เล็งเปิดสาขาใหม่
นายเอกพงศ์ โชคชัยวิทัศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ “Mother Supermarket” และ “Mother Marche” ในจังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2568 จากเดิม 5% เป็น 8% คาดว่ารายได้รวมแตะ 1,400 ล้านบาท
** เพิ่งวงเงินบัตรรัฐ
สำหรับปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย คือโครงการ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ซึ่งบริษัทได้รับประโยชน์โดยตรงในฐานะผู้ประกอบการร้านค้าธงฟ้า โดยรัฐบาลมีการอัดเม็ดเงินพิเศษเข้าสู่ระบบในช่วงปลายปี โดยจะโอนเงินเข้าบัตร ในเดือนพฤศจิกายน 850 บาท และเดือนธันวาคมอีก 850 บาท รวม 1,700 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เดือนละ 300 บาท
“เงินที่เข้าบัตรไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ แต่ต้องใช้ซื้อสินค้าเท่านั้น ทำให้เกิดการกระจายตัวของเม็ดเงินและกระตุ้นให้ตลาดคึกคัก ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ Quick Big Win ของรัฐบาล” นายเอกพงศ์กล่าว
นอกจากนั้น โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นปี ยังช่วยหนุนกำลังซื้อโดยอ้อม เพราะร้านอาหาร ร้านค้ารายย่อยที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว จะกลับมาซื้อสินค้ากับบริษัท ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบมากขึ้น
** ท่องเที่ยวกระบีฟื้น
นายเอกพงศ์ ระบุว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกแรงขับสำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ที่ฟื้นตัวแรงในช่วงไฮซีซัน นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรป เดินทางเข้ามามากขึ้น ทำให้การจองโรงแรมในเดือนธันวาคมเริ่มเต็มแล้ว คาดว่ากระแสท่องเที่ยวจะพีคต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2569
พื้นที่ที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว ได้แก่ กระบี่ พังงา (เขาหลัก) และสุราษฎร์ธานี โดยสาขาในสุราษฎร์ธานีก็ยังได้รับผลบวกจากโครงการสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ เพื่อรองรับดีมานด์จากนโยบายรัฐและการท่องเที่ยว MOTHER เตรียมสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งนับเป็นผลบวกเพราะเมื่อซื้อสินค้าในวอลุ่มที่ใหญ่ขึ้น จะได้รับราคาต้นทุนที่ถูกลงและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
ปัจจุบันบริษัทเปิดดำเนินการแล้ว 22 สาขา และอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดสาขาที่ 23 ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ในระหว่างพูดคุยเรื่องพื้นที่ หากไม่ทันในไตรมาส 4/2568 จะเลื่อนเปิดในช่วงไตรมาส 1/2569
“ด้วยจุดแข็งของสเกลธุรกิจที่มาจากรากฐาน ทำให้บริษัทมีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เรามุ่งสร้างความแข็งแรงของธุรกิจ และเข้าไปแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้เล่นรายใหญ่” นายเอกพงศ์กล่าวทิ้งท้าย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
