รมว.เฮ้ง ลั่นจัดจ็อบเอ็กซ์โปร์ 2020 ก.ย.นี้ ช่วยคนตกงานล้านตำแหน่ง
รมว.เฮ้ง ลั่นจัดจ็อบเอ็กซ์โปร์ 2020 ก.ย.นี้ รัฐ-เอกชน จับมือช่วยคนตกงานพ้นโควิด-19 ล้านตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมนาเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินการตามภารกิจขององค์กร ระหว่างคณะกรรมาธิการการแรงงานกับกระทรวงแรงงาน เพื่อการเพิ่มผลิตภาพและสร้างภาวะสันติสุขในสังคมอุตสาหกรรมของประเทศในทุกมิติในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่โรงแรมภูสักธาร รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก
นายสุชาติ กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อนโยบายการบริหารแรงงงานและภารกิจของกระทรวงแรงงานในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด–19 และผลกระทบต่อผู้ใช้แรงงาน ว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาคแรงงานเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีหลายสื่อหลายสำนักได้เปิดเผยตัวเลขผู้ว่างงาน ระบุว่าการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแรงงาน คือ แรงงานมีความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง โดยปัจจุบันสิ่งที่สำคัญคือ ตัวเลขต่างๆ ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้การวางแผนและแก้ไขนั้นถูกต้อง โดยกระทรวงแรงงานมีตัวเลขผู้ประกันตนขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ซึ่งจากฐานข้อมูลที่ชัดเจนมีตัวเลข จำนวน 933,367 คน เป็นเงิน 14,982.717 ล้านบาท (ข้อมูลณ วันที่ 25 สิงหาคม 2563) ในกลุ่มนี้ต้องช่วยกันดูแลและออกมาตรการเพื่อมาช่วยเหลือทั้งลูกจ้างและผู้ประกอบการ
“เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานทุกคน เพื่อเร่งขับเคลื่อนภารกิจสำคัญที่จะช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด–19 ให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วนที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปีนี้ คือการจัดงานไทยแลนด์ จ็อบ เอ็กซ์โป 2020 (Thailand Job Expo 2020) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ มีตำแหน่งงาน 1 ล้านตำแหน่ง จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ของทุกกระทรวงมารวมกันเพื่อจับคู่ (Matching) ระหว่างงานกับคน โดยมี Platform ไทยมีงานทำ.com เป็นแหล่งรวบรวมตำแหน่งงานว่างงานเหล่านี้” นายสุชาติ กล่าว
นอกจากนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ยังมีมาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ และมาตรการสนับสนุนการจ้างงานเพื่อคนว่างงานในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโควิด–19 โดยนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม และนายจ้างต้องไม่เลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกินกว่าร้อยละ 15 ภายใน 1 ปี
มาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สัญชาติไทย กลุ่มที่ส่งเงินสมทบไม่ครบ 6 เดือน ภายใน 15 เดือน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลือและเยียวยา โดยมีเป้าหมายเป็นจำนวน 59,776 คน
“ยังมีมาตรการลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้นายจ้างและผู้ประกันตน จากเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 2 ของค่าจ้าง ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2563 จากมาตรการนี้ จะช่วยรักษาระดับการจ้างงาน และเพิ่มกำลังซื้อของตลาดในประเทศรวมเป็นเงินที่ลดให้ทั้งผู้ประกันตนและนายจ้าง เป็นเงินประมาณ 23,000 ล้านบาท จาก 12.92 ล้านคน มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยปลอดดอกเบี้ย (ดอกเบี้ย 0%) ตลอดระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 – วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ผู้ประกอบกิจการสามารถกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน วงเงินกู้ยืมแห่งละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยในปี 2564 มีวงเงินให้กู้กว่า 100 ล้านบาท และมาตรการเชิงรุกให้ลูกจ้างที่ว่างงานได้รับสิทธิประโยชน์โดยเร็ว โดยบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังสถานประกอบกิจการที่คาดว่าจะเลิกจ้าง การให้บริการเชิงรุกเพื่อให้จ่ายสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม ถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ทั้งนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานจะใช้กลไกขับเคลื่อนโดยตั้งศูนย์อำนวยการแรงงานแห่งชาติ (ศอร.) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกำกับ ติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างรวดเร็ว ฉับไว และทันต่อสถานการณ์ รายงานผลการปฏิบัติอย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันต่อความต้องการความช่วยเหลือของผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งบูรณาการการทำงานเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล มุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการปฏิบัติราชการ และขอให้หัวหน้าส่วนราชการทุกท่านมุ่งพัฒนาด้านแรงงานเพื่อประเทศชาติต่อไป