JAS ความจริงเหนื่อย! พรีเมียร์ลีกยังห่างเป้า

#JAS #ทันหุ้น – มองความเป็นจริง JAS กับสมาชิกพรีเมียร์ลีกที่ยังไม่เข้าเป้า 3 ล้านราย วันนี้ทำได้ 1 ล้านรายยังไม่คุ้มทุนที่ 1.7 ล้านราย กูรูชี้จุดชี้เป็นชี้ตายคือผ่าน 10 นัด ลุ้นผลงานแมนยูมีผลต่อสมาชิก วงในรับการผิดเว็บเถื่อนจบยาก ยิ่งไล่ยิ่งเกิดใหม่ ด้าน TRUE ปรับตัวตั้งเป้าหมายจะเพิ่มฐานลูกค้า OTT เป็น 50%
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้เข้าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) และเอฟเอ คัพ เป็นระยะเวลา 6 ฤดูกาล (2025-2030) ด้วยมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท หรือ ตกฤดูกาลละ 3.16 พันล้านบาท ซึ่งในวันแถลงข่าว JAS ประกาศเป้าผู้ชม 3 ล้านราย โดยบริษัทเล็งรายได้จากสปอนเซอร์ ปีนี้จะอยู่ใกล้ 1 พันล้านบาท มี PLANB, MONO, AIS เป็นพันธมิตรสำคัญ
ทว่าผ่านไป 3 สัปดาห์แรกของการเปิดพรีเมียร์ลีก ปรากฏว่า มีการเปิดตัวเลข JAS ว่ามีจำนวนผู้สมาชิกรับชมถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เปิดฤดูกาลที่ 0.5 แสน (16 ส.ค. 2568) จากนั้นเตะ 3 นัดเพิ่มเป็น 1 ล้าน แต่ยังต่ำกว่าเป้า 3 ล้านราย เนื่องจากปัญหาการรับชมผิดกฎหมาย
ผู้บริหารระบุว่า จุดคุ้มทุนในปีนี้คือสมาชิกราว 1.7 ล้านราย และยังตั้งความหวังว่าฐานสมาชิกจะไม่ต่ำกว่า 2 ล้านรายสิ้นปีนี้ รวมถึงยังคงเป้า 3 ล้านรายตามเดิม แต่ทั้งหมดยังเป็นความหวังข้างหน้าที่ไม่แน่ว่าจะถึงเป้าหรือไม่?
@ ไล่ปิดเว็บเถื่อนเหนื่อย
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์มี 2 รูปแบบหลัก แบบแรกคือ การดูดคอนเทนต์จาก MONOMAX ไปเผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งทางผู้ให้บริการสามารถสกัดกั้นได้รวดเร็ว และส่งผลให้ยอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อช่องทางเถื่อนเหล่านั้นถูกปิด แต่ปัญหาที่ท้าทายกว่าคือการสตรีมมิ่งผ่านเว็บไซต์ที่ดึงสัญญาณจากต่างประเทศ ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ต้องมีหมายศาลเพื่อดำเนินการบล็อก กระบวนการทางกฎหมายใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทำให้การบล็อกเป็นไปอย่างล่าช้าและยังมีช่องทางเถื่อนให้รับชมอยู่ ดังนั้น JAS มีความหวังว่า หากสามารถบล็อกได้อย่างสมบูรณ์ ยอดผู้รับชมกลุ่มนี้บางส่วนจะเปลี่ยนมาสมัครสมาชิกอย่างถูกต้อง
นายจรูญพันธ์ ยอมรับว่า จุดคุ้มทุน JAS ที่ 1.7 ล้านคน นั้น ยังคงต้องลุ้นอย่างหนัก เนื่องจากปัจจุบันยอดสมาชิกเพิ่งอยู่ที่ 1 ล้านคนต้นๆ แม้ผู้บริหารจะมั่นใจว่าจะมีสมาชิกปีนี้ 2 ล้านคน แต่จะสามารถประเมินความสำเร็จที่แท้จริงได้หลังผ่านไปประมาณ 1 ใน 3 ของฤดูกาล (ประมาณ 13 แมตช์) ซึ่งคาดว่าอัตราการสมัครสมาชิกจะเริ่มนิ่ง และสำคัญต้องลุ้นผลงานบางทีมเช่นแมนยู หากไม่ดีก็อาจจะทำให้มีผลต่อสมาชิก อย่างไรก็ตามมองว่ามีความเป็นไปได้หากมีการปราบปราบเว็บผิดกฎหมายและจะมียอดสมาชิกไหลเข้ามา เพราะราคาในระดับ 199 บาท หรือ 299 บาท เป็นราคาที่จ่ายได้
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรม ยอมรับว่า JAS ต้องเผชิญกับการปราบปรามเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ เหมือนกับที่ TRUE ได้มีการไล่จัดการก่อนหน้า ซึ่งไม่ง่าย เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำความผิดเหล่านี้ มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ปิดเว็บหนึ่งก็ไปเปิดอีกเว็บหนึ่ง หรือใช้เทคโนโลยีด้านช่องทางอื่นๆ ทำให้การจัดการให้ถูกต้องทั้งหมดยาก
@ TRUE ปรับเน้น OTT
นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ในวันที่ทรูวิชั่นส์ไม่มีพรีเมียร์ลีก ทำให้ต้องหันมาในเส้นทาง OTT หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการสื่อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยตลาด OTT ในประเทศไทยมีมูลค่าค่อนข้างมาก ปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้าประมาณ 1.2 – 1.3 ล้านคน และค่อยๆ เติบโตขึ้น ซึ่งได้เปิดตัว True Vision Now เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มฐานลูกค้า OTT เป็น 50% (จากปัจจุบันที่มี 20% และอีก 80% เป็นกล่องดาวเทียมหรือเคเบิล) คาดว่าจะเห็นผลภายในประมาณ 1 ปีครึ่ง หรือภายในปี 2569 สัดส่วนคอนเทนต์ในปัจจุบันประมาณ 65% เป็น Entertainment และ 35% เป็นกีฬา โดยทรูวิชั่นส์ยังมีกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิส, แบดมินตัน, วอลเลย์บอล, กอล์ฟ และยังมีฟุตบอลอีกหลายรายการ เช่น Champions League, Europa League ทั้งหมด 9 ลีก 14 ถ้วย
อีกทั้ง True Vision Now ได้ผนึกกำลัง CreAsia Studio และ SERA เปิดตัว “RACE TO SPACE THAILAND : ศึกพิชิตอวกาศ” เรียลลิตี้ฟอร์มยักษ์พร้อมภารกิจจริง ร่วมปั้นคนไทยคนแรกสู่ห้วงอวกาศ
@ โทรคมนาคมยังบวก
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเกิดการแข่งขันเพื่อแย่งสิทธิ์คอนเทนต์พิเศษอย่างเข้มข้น แต่ยังดีกว่าการทำสงครามราคา มองว่า JAS มีความเปราะบางที่สุด เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนคงที่สูงจาก EPL และฐานะการเงินที่ไม่แข็งแรงนัก ขณะที่ TRUE อาจเผชิญแรงกดดันค่าเฉลี่ยรายได้ต่อผู้ใช้ (ARPU) จากการเสียสิทธิ์คอนเทนต์ แต่ยังไม่รุนแรงต่อผลประกอบการมากนัก ด้าน ADVANC ถือว่าได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีโอกาสดัน ARPU ทั้งมือถือและบรอดแบนด์ เพิ่มส่วนแบ่งรายได้ และสามารถชดเชยผลกระทบด้านมาร์จิ้นได้
ในมุมมองกลุ่มโทรคมนาคมยังเป็นเชิงบวกจากศักยภาพการเติบโตของรายได้จากคอนเทนต์ กลุ่มองค์กรและตลาดรีเทล อีกทั้งแนวโน้มกำไรหลักรายไตรมาสยังแข็งแกร่งใน 3–4 ไตรมาสข้างหน้า จากการประหยัดต้นทุนคลื่นความถี่ หุ้นเด่นคือ TRUE จากมูลค่าที่น่าสนใจกว่า โดย TRUE ซื้อขายที่ 2569 EV/EBITDA เพียง 6.96 เท่า และ PER 16.1 เท่า เทียบกับ ADVANC ที่สูงกว่า (8.72 เท่า และ 17.9 เท่า ตามลำดับ)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
