รีเซต

JAS ความจริงเหนื่อย! พรีเมียร์ลีกยังห่างเป้า

JAS ความจริงเหนื่อย! พรีเมียร์ลีกยังห่างเป้า
ทันหุ้น
16 กันยายน 2568 ( 00:50 )

บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้เข้าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) และเอฟเอ คัพ เป็นระยะเวลา 6 ฤดูกาล (2025-2030) ด้วยมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท หรือ ตกฤดูกาลละ 3.16 พันล้านบาท ซึ่งในวันแถลงข่าว JAS ประกาศเป้าผู้ชม 3 ล้านราย โดยบริษัทเล็งรายได้จากสปอนเซอร์ ปีนี้จะอยู่ใกล้ 1 พันล้านบาท มี PLANB, MONO, AIS เป็นพันธมิตรสำคัญ

ทว่าผ่านไป 3 สัปดาห์แรกของการเปิดพรีเมียร์ลีก ปรากฏว่า มีการเปิดตัวเลข JAS ว่ามีจำนวนผู้สมาชิกรับชมถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เปิดฤดูกาลที่ 0.5 แสน (16 ส.ค. 2568) จากนั้นเตะ 3 นัดเพิ่มเป็น 1 ล้าน แต่ยังต่ำกว่าเป้า 3 ล้านราย เนื่องจากปัญหาการรับชมผิดกฎหมาย

ผู้บริหารระบุว่า จุดคุ้มทุนในปีนี้คือสมาชิกราว 1.7 ล้านราย และยังตั้งความหวังว่าฐานสมาชิกจะไม่ต่ำกว่า 2 ล้านรายสิ้นปีนี้ รวมถึงยังคงเป้า 3 ล้านรายตามเดิม แต่ทั้งหมดยังเป็นความหวังข้างหน้าที่ไม่แน่ว่าจะถึงเป้าหรือไม่?

นายจรูญพันธ์  วัฒนวงศ์  หัวหน้าฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์มี 2 รูปแบบหลัก แบบแรกคือ การดูดคอนเทนต์จาก MONOMAX ไปเผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งทางผู้ให้บริการสามารถสกัดกั้นได้รวดเร็ว และส่งผลให้ยอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อช่องทางเถื่อนเหล่านั้นถูกปิด แต่ปัญหาที่ท้าทายกว่าคือการสตรีมมิ่งผ่านเว็บไซต์ที่ดึงสัญญาณจากต่างประเทศ ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ต้องมีหมายศาลเพื่อดำเนินการบล็อก กระบวนการทางกฎหมายใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทำให้การบล็อกเป็นไปอย่างล่าช้าและยังมีช่องทางเถื่อนให้รับชมอยู่ ดังนั้น JAS มีความหวังว่า หากสามารถบล็อกได้อย่างสมบูรณ์ ยอดผู้รับชมกลุ่มนี้บางส่วนจะเปลี่ยนมาสมัครสมาชิกอย่างถูกต้อง

นายจรูญพันธ์ ยอมรับว่า จุดคุ้มทุน JAS ที่ 1.7 ล้านคน นั้น ยังคงต้องลุ้นอย่างหนัก เนื่องจากปัจจุบันยอดสมาชิกเพิ่งอยู่ที่ 1 ล้านคนต้นๆ แม้ผู้บริหารจะมั่นใจว่าจะมีสมาชิกปีนี้ 2 ล้านคน แต่จะสามารถประเมินความสำเร็จที่แท้จริงได้หลังผ่านไปประมาณ 1 ใน 3 ของฤดูกาล (ประมาณ 13 แมตช์) ซึ่งคาดว่าอัตราการสมัครสมาชิกจะเริ่มนิ่ง และสำคัญต้องลุ้นผลงานบางทีมเช่นแมนยู หากไม่ดีก็อาจจะทำให้มีผลต่อสมาชิก อย่างไรก็ตามมองว่ามีความเป็นไปได้หากมีการปราบปราบเว็บผิดกฎหมายและจะมียอดสมาชิกไหลเข้ามา เพราะราคาในระดับ 199 บาท หรือ 299 บาท เป็นราคาที่จ่ายได้

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรม ยอมรับว่า JAS ต้องเผชิญกับการปราบปรามเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ เหมือนกับที่ TRUE ได้มีการไล่จัดการก่อนหน้า ซึ่งไม่ง่าย เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำความผิดเหล่านี้ มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ปิดเว็บหนึ่งก็ไปเปิดอีกเว็บหนึ่ง หรือใช้เทคโนโลยีด้านช่องทางอื่นๆ ทำให้การจัดการให้ถูกต้องทั้งหมดยาก

นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า  ในวันที่ทรูวิชั่นส์ไม่มีพรีเมียร์ลีก ทำให้ต้องหันมาในเส้นทาง OTT หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการสื่อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยตลาด OTT ในประเทศไทยมีมูลค่าค่อนข้างมาก ปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้าประมาณ 1.2 – 1.3 ล้านคน และค่อยๆ เติบโตขึ้น ซึ่งได้เปิดตัว True Vision Now เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มฐานลูกค้า OTT เป็น 50% (จากปัจจุบันที่มี 20% และอีก 80% เป็นกล่องดาวเทียมหรือเคเบิล) คาดว่าจะเห็นผลภายในประมาณ 1 ปีครึ่ง หรือภายในปี 2569 สัดส่วนคอนเทนต์ในปัจจุบันประมาณ 65% เป็น Entertainment และ 35% เป็นกีฬา โดยทรูวิชั่นส์ยังมีกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิส, แบดมินตัน, วอลเลย์บอล, กอล์ฟ และยังมีฟุตบอลอีกหลายรายการ เช่น Champions League, Europa League ทั้งหมด 9 ลีก 14 ถ้วย

อีกทั้ง True Vision Now ได้ผนึกกำลัง CreAsia Studio และ SERA เปิดตัว “RACE TO SPACE THAILAND : ศึกพิชิตอวกาศ” เรียลลิตี้ฟอร์มยักษ์พร้อมภารกิจจริง ร่วมปั้นคนไทยคนแรกสู่ห้วงอวกาศ

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเกิดการแข่งขันเพื่อแย่งสิทธิ์คอนเทนต์พิเศษอย่างเข้มข้น แต่ยังดีกว่าการทำสงครามราคา มองว่า JAS มีความเปราะบางที่สุด เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนคงที่สูงจาก EPL และฐานะการเงินที่ไม่แข็งแรงนัก ขณะที่ TRUE อาจเผชิญแรงกดดันค่าเฉลี่ยรายได้ต่อผู้ใช้ (ARPU) จากการเสียสิทธิ์คอนเทนต์ แต่ยังไม่รุนแรงต่อผลประกอบการมากนัก ด้าน ADVANC ถือว่าได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีโอกาสดัน ARPU ทั้งมือถือและบรอดแบนด์ เพิ่มส่วนแบ่งรายได้ และสามารถชดเชยผลกระทบด้านมาร์จิ้นได้

ในมุมมองกลุ่มโทรคมนาคมยังเป็นเชิงบวกจากศักยภาพการเติบโตของรายได้จากคอนเทนต์ กลุ่มองค์กรและตลาดรีเทล อีกทั้งแนวโน้มกำไรหลักรายไตรมาสยังแข็งแกร่งใน 3–4 ไตรมาสข้างหน้า จากการประหยัดต้นทุนคลื่นความถี่ หุ้นเด่นคือ TRUE จากมูลค่าที่น่าสนใจกว่า โดย TRUE ซื้อขายที่ 2569 EV/EBITDA เพียง 6.96 เท่า และ PER 16.1 เท่า เทียบกับ ADVANC ที่สูงกว่า (8.72 เท่า และ 17.9 เท่า ตามลำดับ)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง