รีเซต

บล.ทิสโก้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (จาก “ถือ”) OR  ราคาเหมาะสมใหม่ 15.80 บาท

บล.ทิสโก้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (จาก “ถือ”) OR  ราคาเหมาะสมใหม่ 15.80 บาท
ทันหุ้น
19 ตุลาคม 2568 ( 10:00 )
9

บล.ทิสโก้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (จาก “ถือ”) OR  ราคาเหมาะสมใหม่ 15.80 บาท

#ทันหุ้น #SET #OR บล.ทิสโก้ : ปรับคำแนะนำสำหรับ หุ้น OR ขึ้นเป็น “ซื้อ” (จาก “ถือ”) โดยเปลี่ยนสถานะหุ้นแนะนำในกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน จาก PTG เป็น OR หลังจากประเมินแล้วว่า ความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาลในอุตสาหกรรมค้าปลีกน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด ส่วนแบ่งทางการตลาดเริ่มทรงตัว และแนวโน้มมาร์จิ้น (Margin) มีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การเปิดตัวแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มใหม่ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ จะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมต่อผลประกอบการในอนาคต

เมื่อเปรียบเทียบกับ PTG และผู้ประกอบการในภูมิภาค OR มี มูลค่าหุ้นที่น่าลงทุนกว่า ภายใต้การคาดการณ์ว่า อัตรากำไรจากน้ำมัน (Oil Margin) จะสูงขึ้น เราจึงปรับประมาณการ กำไรสุทธิปี 2568–2570 เพิ่มขึ้น 7%, 11% และ 10% ตามลำดับ ทำให้กำไรของเราสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ตลาดคาดไว้ 7%, 5% และ 4% ตามลำดับ

ดังนั้น เราจึงปรับมูลค่าพื้นฐานของ OR ขึ้นเป็น 15.80 บาทต่อหุ้น (จาก 12.70 บาท) โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยระหว่าง มูลค่าแบบ SOTP ที่ 17.40 บาท และ แบบ DCF ที่ 14.10 บาท ส่งผลให้เรา แนะนำเปลี่ยนหุ้นแนะนำในกลุ่มค้าปลีกน้ำมันจาก PTG เป็น OR

ความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาลอยู่ในระดับจำกัด

ในปัจจุบัน เรายังไม่เห็นสัญญาณของการแทรกแซงในเชิงลบจากภาครัฐ เนื่องจาก ราคาน้ำมันดิบดูไบยังอยู่ในระดับเหมาะสมที่ 60–70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลมักไม่แทรกแซงตลาดน้ำมันหากราคาดิบยังต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกัน ฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้นชัดเจน โดยลดการขาดดุลจาก 77,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 เหลือเพียง 15,600 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่เป็นการขาดดุลในบัญชี LPG เท่านั้น ขณะที่บัญชีน้ำมันมียอดเกินดุลแล้ว 26,200 ล้านบาท ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากภาครัฐต่อกลุ่มพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนแบ่งตลาดเริ่มทรงตัว และมาร์จิ้นอยู่ในช่วงฟื้นตัว

ความท้าทายหลักของ OR ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลาย โดยแม้จะยังไม่สามารถเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกที่สูญเสียไปตั้งแต่ปี 2567 ได้เต็มที่ แต่ปัจจุบัน ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันดีเซลทรงตัวที่ 32–33% และ น้ำมันเบนซินที่ 38–40%

การแข่งขันในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มทรงตัวเช่นกัน หลังจาก OR ยกเลิกแคมเปญส่งเสริมการขายเชิงรุก ในช่วงก่อนหน้า ขณะเดียวกัน Oil Margin มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ หลังผลกระทบจากการเลื่อนเวลาคิดราคาน้ำมันอากาศยาน (Jet fuel) หนึ่งเดือนหมดไป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในเดือนมิถุนายน

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของมาร์จิ้นจะช่วยชดเชยผลกระทบจากปริมาณขายที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงการดำเนินงานในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้น

มูลค่าหุ้น OR น่าลงทุนมากขึ้นเมื่อเทียบกับ PTG

ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หุ้น OR ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า PTG ประมาณ 33% ขณะที่อัตราส่วน P/E ของทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ในมุมมองของเรา OR มี ความน่าสนใจด้านมูลค่ามากกว่า เพราะคาดว่าจะมี อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2568 ที่ 4.4% เทียบกับ PTG ที่ 3.7%

สรุปมุมมองการลงทุน

  • ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
  • ราคาเหมาะสมใหม่ 15.80 บาทต่อหุ้น (อิง SOTP + DCF เฉลี่ย)
  • เปลี่ยนหุ้นแนะนำในกลุ่มจาก PTG → OR
  • ปัจจัยบวก: มาร์จิ้นน้ำมันฟื้นตัว, การเปิดตัวแบรนด์ใหม่, ปันผลสูง
  • ความเสี่ยง: เศรษฐกิจชะลอตัว, การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเชื้อเพลิง, และกฎระเบียบจากภาครัฐ

สรุป:
หุ้น OR มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งในเชิงมาร์จิ้นและความสามารถในการทำกำไร ภายใต้ความเสี่ยงจากภาครัฐที่ลดลง และมูลค่าหุ้นที่ยัง “ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง” เราจึง ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.80 บาทต่อหุ้น พร้อมเปลี่ยนหุ้นแนะนำในกลุ่มพลังงานจาก PTG เป็น OR

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง