ลุ้นศาลฯชี้ชะตา "อุ๊งอิ๊ง" การเมืองเขย่าเศรษฐกิจ โบรกฯมองตลาดผันผวน แต่ Downside จำกัด

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า พรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ในกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ถูกตัดสินว่าผิด ตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบในระยะสั้น ส่วนความไม่แน่นอนในระยะยาวจะอยู่ที่การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ในทางกลับกัน หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดจะส่งผลดีต่อภาวะตลาดในระยะสั้น แต่ยังคงเผชิญความท้าทายในระยะยาวในเชิงของนโยบายเศรษฐกิจ และการรับมือกับกรณีพิพาทไทย-กัมพูชาที่ยังคงอยู่
สำหรับทั้งสอง scenarios เรามองว่า SET มี downside จำกัดเพราะได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะต่อไป ในขณะที่ตลาดรับรู้ไปมากแล้วว่า GDP จะชะลอตัว
โดย Scenario 1 ศาลตัดสินว่านายกมีความผิด จะเป็นลบในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกนายกคนใหม่ ในกรณีที่นายกแพทองธารถูกตัดสินว่าผิด และ ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราคาดว่าตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบในระยะสั้นมาก ๆ เพื่อสะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกนายกฯ คนใหม่ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าตลาดน่าจะย่อลงเพียงไม่นาน เพราะ scenario นี้น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งอยู่ในรายชื่อ candidate นายกฯ เดิมอยู่แล้ว ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
ในภาพรวมแล้ว เรามองว่านโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมของนายชัยเกษมน่าจะคล้ายคลึงกับของนายกฯ แพทองธาร และ รัฐบาลใหม่จะยังคงต้องจัดการกับปัญหาหลัก ๆ อย่างเช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจใน H2/68 รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา
Scenario 2 ศาลตัดสินว่านายกไม่มีความผิด จะเป็นบวกในระยะสั้น แต่ยังคงเผชิญความท้าทายในระยะยาว ในกรณีที่ศาลตัดสินว่านายกฯ แพทองธารไม่มีความผิด และ สามารถกลับไปรับตำแหน่งเหมือนเดิมได้ ปฏิกิริยาในระยะสั้นของตลาดน่าจะเป็นไปในเชิงบวก เนื่องจากจะช่วยเคลียร์ประเด็นความไม่แน่นอนในระยะสั้นไป และ รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าทางการเมืองต่อไปได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเชิงบวกอาจจะยังคงถูกจำกัดจากความท้าทายในระยะยาวทางด้านของเศรษฐกิจ และ สังคม โดยในช่วงหลายเดือนมานี้ นักลงทุนผิดหวังกับการที่รัฐบาลไม่สามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัดการกับกัมพูชาด้วย
เรามองว่าคำพิพากษาของศาลในวันที่ 29 ส.ค.เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตาม โดยคำพิพากษาตาม scenario ทั้งสองอาจจะไม่ได้ทำให้ตลาดมี downside อย่างมีนัยสำคัญ โดยในประการแรก นักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่าทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกในช่วงที่เหลือของปี 2568 ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวตามวัฏจักรที่เกิดจากภาษีการค้าได้บ้าง
ประการที่สอง ตลาดรับรู้โมเมนตัมอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยที่ชะลอตัวลงใน H2/68 ไปมากแล้ว โดยทั้งนักเศรษฐศาสตร์ของเรา และ consensus คาดว่า GDP ใน H2/68 จะขยายตัวประมาณ 1% YoY จากที่ขยายตัว 3% YoY ใน H1/68
ทั้งนี้ ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะออกมาเป็นอย่างไร ธีมการลงทุนหลักของเรายังคงเน้นหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย โดยเราชอบหุ้นบางตัวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, finance และ สาธารณูปโภค อย่างเช่น AP, ORI, SAWAD และ BGRIM
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ปลายเดือน ส.ค.68-ต้น ก.ย.68 มีคดีการเมืองไทยหลายคดีที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการเมืองของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะคดีเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในพรรคเพื่อไทย และตระกูล ชินวัตร ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร โดยมีรายละเอียดและวันนัดหมายของศาลดังนี้
คดีจริยธรรมร้ายแรง ของแพทองธาร ชินวัตร ข้อกล่าวหา คลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องจริยธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อน วันนัดศาลรัฐธรรมนูญ 29 ส.ค. 68 แนวทางที่คาดการณ์ได้ ได้แก่ ไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง (ศาลยกคำร้อง) นายกดำรงตำแหน่งต่อ หากเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง นายกต้องพ้นจากตำแหน่ง นำไปสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่
คดีชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร ข้อกล่าวหา การเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจได้รับสิทธิพิเศษเกินกว่าผู้ต้องขังทั่วไป โดยมีการตรวจสอบจากหลายฝ่ายว่าการรีกษาดังกล่าวมีความจำเป็นทางการแพทย์จริงหรือไม่ วันนัดศาลฎีกา 9 ก.ย. 68 แนวทางที่คาดการณ์ได้ ได้แก่ ป่วยจริงและขั้นตอนถูกต้อง (พ้นผิด) ป่วยจริงแต่ขั้นตอนไม่ถูกต้อง อาจเอาผิดเฉพาะข้าราชการที่เกี่ยวข้อง หรืออาจให้เริ่มบังคับคดีใหม่ โดยทักษิณกลับเข้าเรือนจำ
ทั้งนี้ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หาก น.ส.แพทองธาร ถูกถอดถอน หรือ นายทักษิณ ถูกตัดสินว่ามีความผิด อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือยุบสภาได้ อย่างไรก็ตาม หากศาลยกคำร้องทั้งหมด รัฐบาลปัจจุบันอาจได้ไปต่อในรูปแบบ ครม.แพทองธาร 2 ซึ่งถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้
ประเด็นคดีความทั้งหมดมีแนวทางที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันนัดศาลในช่วงปลาย ส.ค.-ต้น ก.ย.68 จึงทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และมีโอกาสเห็นการไหลเข้าของ Fund Flow ในระยะดังกล่าวได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
