รีเซต

บริษัทยาอินโดฯ ถูกกล่าวหาใช้แท่ง swab แยงจมูกซ้ำ ฉ้อโกงชุดตรวจโควิด

บริษัทยาอินโดฯ ถูกกล่าวหาใช้แท่ง swab แยงจมูกซ้ำ ฉ้อโกงชุดตรวจโควิด
TNN World
6 พฤษภาคม 2564 ( 09:22 )
302
บริษัทยาอินโดฯ ถูกกล่าวหาใช้แท่ง swab แยงจมูกซ้ำ ฉ้อโกงชุดตรวจโควิด

Editor’s Pick: บริษัท Kimia Farma ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาของรัฐบาลอินโดนีเซีย ถูกกล่าวหาว่า นำไม้สวอป 'swab' หรือแท่งแยงจมูกที่ใช้ตรวจโควิด-19 ล้างและบรรจุแท่ง swab ดังกล่าว ออกจำหน่ายอีกครั้ง

 


ไม้สวอปใช้ซ้ำในชุดตรวจโควิด


อาทิตย์ที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ 5 คน ของบริษัท Kimia Farma รวมถึงผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ ในข้อหานำไม้สวอป ใช้แล้วกลับมาใช้อีกครั้ง 

 

พวกเขาล้างและบรรจุหีบห่อใหม่ที่สำนักงานใหญ่ จากนั้นส่งไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกัวลานามู เพื่อใช้กับผู้โดยสารที่ต้องทดสอบเชื้อโควิด-19 ว่าเป็นลบหรือไม่ก่อนขึ้นเครื่อง 


ผู้โดยสารจำนวนมากเลือกที่จะทดสอบโควิด-19 ที่สนามบิน แทนการเดินทางไปโรงพยาบาล หรือคลินิกท้องถิ่น เพื่อประหยัดเวลา
ท่าอากาศยานนานาชาติกูวาลานามูจัดให้มีการตรวจเชื้อโควิด-19 ร่วมกับบริษัท Kimia Farma ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยารายใหญ่ โดยมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 9.4 ล้านรูเปียห์ หรือราว 20.30 ล้านบาทในปี 2019


ตำรวจท้องถิ่น พบการฉ้อโกงที่ว่านี้ หลังตำรวจนอกเครื่องแบ ลองเข้ารับการตรวจที่สนามบินกัวลานามู และได้รับผลการตรวจเป็นบวก (พบเชื้อ) ซึ่งเป็นผลการตรวจที่ไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจอีกครั้ง และพบว่าตัวเองไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 
เหตุที่ผลเป็นบวก ก็เพราะไม้สวอปเคยใช้ตรวจกับประชาชนที่ติดเชื้อโควิดมาแล้วนั่นเอง ก่อนถูกนำมาบรรจุใหม่แล้วใช้ซ้ำ

 


แยงจมูกลึก ๆ เป็นสิบครั้ง


รานโต สีบารานี (Ranto Sibarani) และ คามัล พาเน (Kamal Pane) เป็นนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชน พวกเขาใช้บริการสนามบินแห่งนี้บ่อยครั้ง เพื่อเดินทางจากเมืองเมดานไปยังกรุงจาการ์ตา เกือบทุกสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ศาลฎีกา


“มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก พวกเขาแยงไม้สวอปเข้าไปลึกมาก ๆ และแยงมันอยู่อย่างนั้นเป็นสิบครั้ง ผมบอกได้เลยว่าพวกเขาไม่ถนัดงานนี้เอาเสียเลย” สีบารานีกล่าว


“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงทำหลายครั้งขนาดนั้น เพราะพวกเขาใช้แท่ง swab ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เลยทำให้ขั้นตอนนี้ยากขึ้น”


ทนายทั้งสองยังวางแผนที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท Kimia Farma เป็นจำนวนเงิน 1 พันล้านรูเปียห์ (2.2 ล้านบาท) ต่อผู้โดยสารหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานจากผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้ เพื่อฟ้องคดีทางเพ่ง

 

 

ชุดตรวจใช้ซ้ำกระทบผู้โดยสาร


ผู้บัญชาการตำรวจเมืองเมดาน อาร์ซี เพนคา พูตรา สีมานจันทัก (RZ Panca Putra Simanjuntak) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้โดยสารมากกว่า 9,000 คน อาจได้รับผลกระทบจากชุดตรวจเชื้อใช้ซ้ำดังกล่าว มีการตรวจ 100-200 คน ที่สนามบินทุก ๆ วัน บางคนอาจได้อุปกรณ์ที่สะอาด หรือบางคนอาจถูกตรวจด้วยชุดตรวจใช้แล้วก็เป็นได้


จากข้อมูลของสีมานจันทัก แรงจูงใจในครั้งนี้คือผลกำไร เนื่องจากบริษัท Kimia Farma จะเรียกเก็บเงิน 200,000 รูเปียห์ (436 บาท) ต่อการตรวจหนึ่งครั้ง โดยค่าธรรมเนียมนี้พนักงานจะเรียกเก็บทุกครั้งที่มีการใช้ไม้สวอปมือสองนี้


การกระทำผิดกฎหมายนี้ อาจสร้างเงินผิดกฎหมายให้พนักงานกลุ่มนี้ของบริษัทถึง 1.8 ล้านรูเปียห์ (3.8 ล้านบาท) ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยทางการยึดเงินสดได้มากกว่า 149 ล้านรูเปียห์ (312,000 บาท) ระหว่างการจับกุม ขณะที่ตำรวจกำลังติดตามผลว่ามีผู้โดยสารติดเชื้อจากการใช้ไม้สวอปใช้แล้วนี้หรือไม่

 


หรืออาจมีคดีอื่นอีก?


ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่มากกว่า 1.7 ล้านราย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดขึ้น และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 45,000 ราย 


ปัจจุบัน มีประชากรเพียง 10 ล้านคนที่ได้รับการตรวจเชื้อไวรัส จากประชากรทั้งหมดกว่า 260 ล้านคน 


พาเน นักกฎหมาย กล่าวว่า “บริษัท Kimia Farma ควรระงับการตรวจแบบ Rapid Test ทั่วประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนศูนย์การตรวจอื่น ๆ ควรได้รับการตรวจสอบโดยทีมงานภายนอก เพื่อตรวจสอบการฉ้อโกงเพิ่มเติม”


“สงสัยว่าจะมีคดีที่ใหญ่กว่านี้ ที่ยังไม่เปิดเผยอีกหรือเปล่า” เขากล่าวเสริม โดยภายใต้กฎหมายสาธารณสุขของอินโดนีเซีย ผู้ต้องหาอาจมีโทษจำคุกนานถึง 10 ปี หากพบว่ากระทำผิดจริง 


ทนายความสาบารานี กล่าวว่า ท้ายที่สุดภายใต้ข้อกฎหมาย บริษัท Kimia Farma ยังต้องรับผิดชอบการกระทำของเจ้าหน้าที่อยู่ดี
“เหมือนฝันร้ายที่รู้ว่าบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Kimia Farma ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ บริษัทยาอื่น ๆ ทั่วโลกก็มักจะสนใจผลกำไรก่อนเสมอ”


“หลายปีที่ผ่านมา บริษัทพวกนี้ได้ผลประโยชน์จากการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในความโลภขององค์กรเท่านั้น ส่วนคดีนี้มันไม่ใช่คดีทั่วไป เพราะมันเกี่ยวกับไวรัสร้ายแรงที่พรากชีวิตพวกเราได้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง