SK โชว์ฟอร์มแบ็กล็อกพรึ่บ จับตามาร์จิ้นคอนกรีตฟื้น
SK มองผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ตุนแบ็กล็อกงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตแน่น 70 ล้านบาท จ่อจรดปากกาเซ็นสัญญารับงานใหม่อีกกว่า 150 ล้านบาท ชี้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น หนุนกำไรสะพรั่ง เดินเกมลุยงานก่อสร้างตามแผน โชว์งานในมือ 430 ล้านบาท
นายภากร ตั้งนุกูลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK เปิดเผยว่า ปัจจัยในครึ่งปีหลัง 2566 ในเรื่องค่าแรงที่จะปรับขึ้น อาจจะไม่มีผลกระทบในครึ่งปีหลังนี้ทันที แต่อาจจะไปเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2567 ดังนั้นปัจจัยกดดันจากต้นทุนค่าแรงจะยังไม่เห็นภาพในครึ่งปีหลังนี้
** แบ็กล็อกแน่น
ขณะที่งานในมือ หรือ Backlog งานผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีอยู่ประมาณ 70 ล้านบาท ขณะเดียวกันต้นทุน หรืออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) กลุ่มผลิตภัณฑ์ปรับตัวลงแล้ว ทำให้ทิศทางมาร์จิ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตกลับมามีมาร์จิ้นดีกว่าที่ผ่านมา สำหรับมาร์จิ้นผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ 15% และคาดยอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตปีนี้จะทำได้ตามเป้า หรือเติบโต 10%
และบริษัทเตรียมจะเซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตอีกประมาณ 150 ล้านบาท เร็วๆ นี้ ส่วนงานในมือ หรือ Backlog กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโยธา สายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า บริษัทมีงานอยู่ราว 400-430 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานเข้าพื้นที่เพื่อทำงานรับเหมาก่อสร้าง
จากทิศทางปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นคาดผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2566 จะดีกว่าครึ่งปีแรก จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนงานผลิตภัณฑ์คอนกรีต หรือมาร์จิ้นกลุ่มนี้ดีขึ้น และเข้าทำงานก่อสร้างได้มากขึ้น ส่วนยอดขายปีนี้คาดจะทำได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 400-450 ล้านบาท อนึ่ง 3 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมียอดขายแล้วที่ 136.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3.81 ล้านบาท
** งานใหม่เพียบ
สำหรับงานของ SK เป็นงานเกี่ยวข้องกับพื้นฐานโครงสร้าง คาดรัฐบาลใหม่จะเข้ามาขับเคลื่อนโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลดีต่อการขายสินค้าให้กับกลุ่มบริษัทของ SK
นายภากร กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทแตกไลน์ธุรกิจใหม่ไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการและขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับโครงการแรกเป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโปรเจ็กต์ประมาณ 200-250 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ในทำเลติดถนนกาญจนาภิเษก คาดจะเริ่มเปิดจองซื้อในไตรมาส 4/2566 และจะมียอดรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นไป
นอกจากนี้บริษัทยังได้ศึกษาแผนการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาระยะหนึ่งแล้ว และทีมผู้บริหารของ SK มีผู้บริหารเคยดำรงตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียน และอยู่วงการอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งพาร์ตเนอร์ที่บริษัทร่วมลงทุนด้วย ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน หลังจากเจรจา และดูทิศทางโครงการแล้ว บริษัทจึงตกลงร่วมมือทางธุรกิจ และเดินหน้าก่อสร้างโครงการ สำหรับในปีนี้อาจจะเห็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่มาก หรือประมาณ 2% เพราะเปิดตัวโครงการท้ายปี