แฉผู้นำอังกฤษ เมินล็อกดาวน์! เพราะเชื่อมีแต่คนที่แก่เท่านั้นจะตาย
United Kingdom: อดีตที่ปรึกษาระดับสูงของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุว่า ผู้นำอังกฤษไม่ได้เตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์สกัดการระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเชื่อว่ามีแต่คนอายุ 80 ขึ้นไปที่จะเสียชีวิต และยังไม่ยอมรับว่า ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ รองรับผู้ป่วยติดเชื้อไม่ไหว
โดมินิก คัมมิงส์ อดีตที่ปรึกษาด้านการเมืองของนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกหลังลาออกจากตำแหน่งเมื่อปีก่อนว่า ผู้นำสหราชอาณาจักรไม่ต้องการใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งที่สอง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีก่อน เพราะเชื่อว่า ประชาชนที่จะเสียชีวิตจากโควิดส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป
คัมมิงส์ ระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันต้องการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระชนมพรรษา 95 พรรษา ทั้งที่มีสัญญาณการระบาดของเชื้อโควิดที่สำนักนายกรัฐมนตรีในช่วงเริ่มต้นของการระบาด และทางการก็ได้แจ้งให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการพบปะที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบปะกับผู้สูงวัย
คัมมิงส์ ซึ่งกล่าวหารัฐบาลสหราชอาณาจักรว่า เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวนมากทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ยังได้เผยแพร่ข้อความต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนที่อ้างว่า เป็นข้อความที่นายกรัฐมนตรีจอห์นสันส่งถึงผู้ช่วย
ข้อความดังกล่าว เป็นข้อความกล่าวติดตลกของผู้นำสหราชอาณาจักรที่ระบุว่า ผู้สูงวัยอาจติดโควิด-19 และมีอายุยืนยาวได้ เพราะผู้สูงวัยส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตมีอายุเกินอายุขัยเฉลี่ย
นอกจากนี้ ยังรวมถึงข้อความของนายกรัฐมนตรีจอห์นสันที่ส่งถึงคัมมิงส์ว่า เขาไม่เชื่อเรื่องระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร หรือ NHS รองรับผู้ป่วยติดเชื้อไม่ไหว และคิดว่าทุกคนควรเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้านโฆษกของนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กล่าวว่า ผู้นำสหราชอาณาจักรได้ใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด
ขณะที่ พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ระบุว่า การเปิดเผยเรื่องดังกล่าวของคัมมิงส์ทำให้เห็นถึงความจำเป็นของการเปิดไต่สวนสาธารณะ และถือเป็นหลักฐานที่ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชน
ขณะนี้ สหราชอาณาจักรมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 5.47 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 128,700 คน แต่รัฐบาลเริ่มต้นยกเลิกมาตรการป้องกันการระบาดเกือบทั้งหมดตั้งแต่วันจันทร์ (19 กรกฎาคม) ซึ่งรวมถึงคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากาก
โดยนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ขนานนามวันดังกล่าวว่าเป็น 'วันแห่งอิสรภาพ' โดยระบุว่า โครงการเร่งรัดฉีดวัคซีนทำให้ความเสี่ยงต่อระบบสาธารณสุขอยู่ในระดับที่จัดการได้ แต่ยังเตือนประชาชนต้องระมัดระวังตัวเอง