รีเซต

เรือสินค้าเมียนมา เกยตื้น "ปะการังสีน้ำเงิน" เสียหายหนัก

เรือสินค้าเมียนมา เกยตื้น "ปะการังสีน้ำเงิน" เสียหายหนัก
TNN ช่อง16
4 มิถุนายน 2568 ( 15:48 )
9

จากกรณีเรือ "MV.AYAR LINN" เกยตื้นบนแนวปะการังสำคัญในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา จุดแรกที่เกิดการชนไปจนถึงจุดที่เรือเกยตื้นสนิท ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดกับปะการังลักษณะก้อนสูงที่ไม่พ้นท้องเรือ โดยเฉพาะบริเวณที่เรือเกยตื้นและทับอยู่บนแนวปะการังในช่วงระยะ 45-75 เมตร ทำให้ปะการังใต้ท้องเรือแตกหักและถูกทับเกือบทั้งหมด คาดการณ์พื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150 ตารางเมตร

สำหรับชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายมากที่สุดประมาณ 80% ของปะการังที่ถูกชน ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) เสียหายประมาณ 15% ปะการังโขด (Porites lutea) เสียหายประมาณ 5% นอกจากนี้ยังมี ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea) แตกหัก 4 โคโลนี, ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) แตกหัก 3 โคโลนี และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea) แตกหัก 1 โคโลนี นอกเหนือจากความเสียหายโดยตรงต่อแนวปะการัง ยังพบข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเล เนื่องจากเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า จึงมีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่นๆ จำนวนหนึ่งตกค้างและติดอยู่บนแนวปะการัง

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้สั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกู้เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติพม่าดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชุดปฏิบัติการดำน้ำและเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ เข้าดำเนินการสำรวจความเสียหายในทันที เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่งกับผู้รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า สิ่งที่น่าห่วงคือปะการังสีน้ำเงิน เนื่องจากปะการังสีน้ำเงินเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ยังคงมีชีวิต ลักษณะคล้ายเดิมตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ (70-60 ล้านปีก่อน) แทบไม่เปลี่ยนไปเลย พบเฉพาะเขตอินโดแปซิฟิก และพบบางที่เท่านั้น ในเมืองไทยที่พอมีเป็นดงคือเกาะสิมิลัน เกาะตาชัย และเกาะสุรินทร์ แถมยังไม่ได้มีเยอะทุกอ่าว ที่เกาะสุรินทร์เจอกันจริงจังคืออ่าวจากและเกาะสต็อร์ค หากจะบอกว่าในทะเลไทยยุคนี้ มี “ดงปะการังสีน้ำเงิน” เหลืออยู่ไม่เกิน 10 แห่ง พูดได้เต็มปาก

แม้ในระดับโลก ปะการังสีน้ำเงินก็หายาก ถึงขั้นที่ IUCN ตั้งสถานภาพให้ว่าถูกคุกคาม (ปะการังทั่วไปไม่มีสถานภาพ) ยังอยู่ใน CITES Appendix

สำหรับเมืองไทย เหตุการณ์ที่ปะการังสีน้ำเงินเสียหายรุนแรงคือกรณีการท่องเที่ยวเกาะตาชัย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่กรรมการที่ปรึกษาอุทยานตัดสินใจเสนอปิดเกาะเมื่อ 9 ปีก่อน ส่วนกรณีเกาะสุรินทร์ กรมอุทยานประเมินขั้นต้นว่าพื้นที่เสียหาย 150 ตร.ม. ปะการังสีน้ำเงินเสียหายมากสุดถึง 80% 


กรมทะเลมีตัวเลขค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูแนวปะการังปรกติทั่วไป แต่อยากบอกว่า “ทั่วไป” ในที่นี้ไม่รวมปะการังสีน้ำเงิน เพราะเราไม่เคยปลูกหรือฟื้นฟูปะการังชนิดนี้ ด้วยเหตุผลว่ามันยากมากๆ และโตช้ามากๆ

ขนาดปะการังปรกติที่โตช้าแล้า ปะการังสีน้ำเงินโตช้ายิ่งกว่า กรณีศึกษาใกล้เคียงสุดคงเป็นเกาะตาชัย 9ปีผ่านไป เห็นความเปลี่ยนแปลงหน่อยเดียว

ทราบดีว่าเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่อยากเน้นย้ำเรื่องนี้สักนิดว่าที่เสียหายคือปะการังสีน้ำเงิน สุดยอดปะการังหายากปะการังโบราณ ขึ้นบัญชีระดับโลก แทบหาไม่ได้ในไทย ดีใจที่ท่านรมต. กรมอุทยานให้ความสำคัญและรีบประเมินความเสียหาย แต่อยากให้ข้อมูลเพิ่มในส่วนนี้เพื่อการประเมินมูลค่าและการฟื้นฟูจะได้วางแผนให้รอบคอบ เห็นภาพแล้วปวดใจ การฟื้นฟูเป็นเรื่องใหญ่มากครับ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง