รีเซต

รอยร้าวการเมืองกดัน คาด SET ปรับฐาน กระทบเศรษฐกิจฉุด GDP

รอยร้าวการเมืองกดัน คาด SET ปรับฐาน กระทบเศรษฐกิจฉุด GDP
TNN ช่อง16
19 มิถุนายน 2568 ( 15:38 )
15

ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกลางเดือนพฤษภาคม 2568 จากกระแสรอยร้าวจากขั้วรัฐบาลการเตรียมปรับ ครม.มาจนถึงความเสี่ยงเพิ่มเติมกรณีคลิปเสียงการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรี คุณแพทองธาร ชินวัตร กับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาลในวันนั้นทันทีสร้างความเปราะบางต่อเสถียรภาพของฝ่ายบริหารจากพรรคร่วมฯส่งผลให้ความเสี่ยงทางการเมืองกลายเป็น “ปัจจัยหลัก” ที่กดดันตลาดทุนไทย ณ เวลานี้ซึ่งในบทวิเคราะห์ฉบับนี้  จะมุ่งเน้นการประเมินความเสี่ยงต่อการปรับฐานของตลาดหุ้นไทย การวางกลยุทธ์และผลกระทบด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก

สถานการณ์การเมืองเข้าสู่รอยต่อสำคัญ

•คลิปเสียงที่หลุดออกอาจลดทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในสายตาของพรรคร่วมและประชาชน

•พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล และตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยว่างลง

•ความไม่แน่นอนส่งผลต่อโอกาส ผ่านร่างงบประมาณปี 2569ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2-3ภายในเดือน ส.ค.68

ฉากทัศน์การเมือง (Political Scenarios)Scenario

1:นายกฯ ลาออก ตั้ง ครม. ใหม่

•ดำเนินการผ่านกลไกของสภาฯ โดยใช้บัญชีรายชื่อนายกฯ  ที่แต่ละพรรคเสนอ หาเสียงข้างมากการเจรจาต่อรองของพรรคร่วมสูง แต่จะช่วยผลักดันงบประมาณปี 2569วาระ 2-3ได้ (ต้องระวังกรณีโหวตครบ3รอบและไม่ได้นายกฯ จะติด “Deadlock” เพราะรัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้ยุบสภาอาจต้องหารือเผื่อการโหวตนายกฯ ชั่วคราวเพื่อยุบสภา หรือเข้าสู่กระบวนการตีความของรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางยุบสภาหรือทางออกอื่นๆ)

•กรณีนี้ลดแรงกดดันได้เร็ว เป็นบวกต่อ SET ระยะสั้น

•แต่ยังมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระยะกลางจากการฟอร์มทีมใหม่

scenario 2 : ยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ใน 45-60วัน นับจากวันยุบสภาฯ

•SET มักฟื้นตัวเร็ว เมื่อเริ่มชัดเจนเป็นกระบวนการ Refresh ตลาดระยะสั้น

•แต่กระทบงบประมาณปี2569ชั่วคราว แม้ช่วยคืนความชัดเจนระยะกลางแต่กระทบงบประมาณ


Macro Impact: กรณีร่างงบฯล่าช้ากว่าไตรมาสที่ 3/68 ผลกระทบต่อไตรมาสที่ 4/68 อาจชะลอตัว

ความเสี่ยงการผ่านร่างงบประมาณปี 2569 ที่กำลังรอพิจารณาวาระที่ 2-3 ล่าช้าเกินไตรมาสที่ 3/68 คาดว่า GDP ไตรมาสที่ 4/68 อาจชะลอตัวลงถึง -0.5% ถึง -1.0% YoY จากความเสี่ยงงบการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ (15% และ 6% ของ GDP) นำไปสู่ผลกระทบของการบริโภค (61% ของ GDP) และลงทุนภาคเอกชน (18% ของGDP) จากความเชื่อมั่นที่ลดต่ำลง 


Market EPS Impact : กำไรตลาดหุ้นไทยอาจลดลง -2.6ถึง - 3บาทต่อหุ้น  กรณีร่างงบประมาณปี 2569 ล่าช้า จะสร้าง Downside ต่อคาดกการณ์กำไรตลาด(Market  EPS)   ที่มีสัดส่วนหุ้น Domestic  (ราว 60-65% ของทั้งหมด) ทุกๆ 5% ของกำไรหุ้น Domestic ที่ลดลงจากผลกระทบการเมืองจะสร้าง Downside กำไรตลาดราว 2.6-3.0บาท(3.0-3.5% จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 87บาท) และประเมินจะกระทบเป้าหมาย SET Index  ที่ 40-48จุด (จากเป้าหมายปัจจุบันที่ 1,370จุด)

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย(SET Index) KSS ประเมิน SET ที่เริ่มสะท้อนความกังวลการเมืองตั้งแต่ 13 พ.ค. และปรับตัวลงแล้ว -10% น่าจะสะท้อนความเสี่ยงการเมืองไปพอสมควรแล้วหากอิงสถิติการเคลื่อนไหวในอดีต ช่วงที่มีสถานการณ์การเมืองที่คล้ายกัน คือ เหตุการณ์ยุบสภา  ฯลฯ  อาทิ  

1.)ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภา ม.ค. -ก.พ. 2549

2.)ตุลาการภิวัฒน์ (ศาลตัดสินผลการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ) พ.ค. -มิ.ย.2549

3.)รัฐประหาร 19ก.ย.2549

4.)อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา21เม.ย. –6พ.ค.2554

5.)ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา8ต.ค.2556 - 3ม.ค.2557

6.)รัฐประหาร 22พฤษภาคม 2557  พบว่า สถิติผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยเฉลี่ย ติดลบ -9.2%

▪นอกจากนี้ ระดับ Current Equity Risk Premium (Earning Yield –Bond Yield) ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเริ่มมีความตึงเครียดทางการเมือง -จุดพีคของสถานการณ์ ค่าเฉลี่ยของเหตุการณ์ในอดีตจะเพิ่มขึ้นราว 0.78% แต่รอบปัจจุบันขยับขึ้นมากว่า 1.06% แล้ว อีกทั้ง ระดับ Current Equity Risk Premium ปัจจุบันที่ 5.78% ถือเป็นระดับที่สะท้อนภาพ SET อยู่ในโซน Deep Value เนื่องจากสูงกว่าระดับ AVG + 2.0S.D. ที่มักขึ้นมาแตะช่วงวิกฤติใหญ่แล้ว

▪ระยะสั้น ประเมินแนวรับSET Index รอบนี้ คือ 1,070-1,056 จุด (SET low ต่ำสุดของปีนี้เมื่อวันที่ 8เม.ย.) หากสถานการณ์อยู่ในกรอบที่เราประเมิน (กรณี Worst ที่เกิดกลไกนอกเหนือการดำเนินตามเงื่อนไขสภามองราว 1,000 จุด ) กอปรกับ สถานการณ์ที่ใกล้มีความชัดเจน จากวานนี้ที่เริ่มมีจุดเปลี่ยน ทำให้ประเมิน Risk Sentiment น่าจะอยู่ในขาปลายแล้ว

กลยุทธ์การลงทุน : SET ปรับฐาน -12% จากกลางเดือน พ.ค. 2568 ถึงระดับต่ำสุดวันนี้ และ มี ERP ปัจจุบัน5.85% > ค่าเฉลี่ย +2.5SDหรือเพิ่ม 1.16% มากกว่าค่าเฉลี่ยการเมืองในอดีตน่าจะตอบรับไปมากระดับหนึ่ง 

จึงแนะนำระยะสั้น เน้นพักเงินบางส่วนในหุ้นกลุ่ม Global Plays  (กลุ่มพลังงาน น้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมี และส่งออก)  เน้น PTTEP, PTT, PTTGC, MINTที่มี Earnings Visibility และถูกกระทบการเมืองน้อยผสานทยอยสะสมหุ้น Domestic ที่ตอบรับความเสี่ยงการเมืองไปมากเน้นกลุ่มที่เป็นแกนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว อาทิ Infra Tech โรงไฟฟ้า GULF สื่อสาร ADVANC ภาคบริการที่หุ้นมีความมั่นคงสูง ร.พ. BDMS, BCH ค้าปลีก CPALL ท่องเที่ยว CENTEL

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง