รีเซต

สนค. เผย 'ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย' ยังสดใส เปิดกิจการใหม่เพิ่ม 34.1% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

สนค. เผย 'ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย' ยังสดใส เปิดกิจการใหม่เพิ่ม 34.1% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
มติชน
8 กุมภาพันธ์ 2565 ( 17:35 )
107

ข่าววันนี้ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวน ธุรกิจโลจิสติกส์ ในประเทศไทย ที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 36,733 ราย

 

โดยเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ที่เปิดกิจการใหม่ 4,411 ราย เติบโต 34.1% และ มีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจโลจิสติกส์ 48,743.73 ล้านบาท หรือ 10.2 % ของการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งหมด โดยกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนจำนวนการเปิดกิจการมากสุด 3 อันดับแรก คือ 14.2% การอำนวย ความสะดวกของท่าเรือ ตามด้วย 11.7% การขนส่งทางระบบท่อลำเลียง และ 11.4% ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร มีสัดส่วน

 

ธุรกิจการขนส่งทางบกและธุรกิจรับส่งพัสดุ มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีจำนวนธุรกิจเปิดใหม่ 3,666 ราย เติบโต 34.68 % โดยเมื่อดูในประเภทธุรกิจย่อย พบว่า จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง สัดส่วน51.2% เป็นธุรกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้า เติบโต 26.4 %รองลงมา คือ ธุรกิจการขนส่งสินค้าอื่นๆ ทางถนน ซึ่งรวมการขนส่งพัสดุ การขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ การขนส่งสินค้าแห้ง สัดส่วน 13.9% เติบโต 25.8 %และอีกธุรกิจที่มีการเติบโตสูง คือ ธุรกิจรับส่งเอกสาร/สิ่งของ เติบโตสูงถึง 201.1%

 

โดยคาดว่ามีปัจจัยจากพฤติกรรมการรักษาระยะห่างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลดการเคลื่อนที่ของบุคคล และผลักดันให้เกิดการเคลื่อนที่ของสินค้าทั้งห่วงโซ่เพิ่มขึ้น สังเกตได้จากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจในหมวดการขนส่งทางบก ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งสินค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ และธุรกิจประเภทไปรษณีย์และการรับส่งพัสดุภัณฑ์ ที่เป็นการขนส่งสินค้าระหว่างผู้ค้ากับผู้บริโภค รวมถึงธุรกิจขนส่งสินค้าขั้นสุดท้ายที่มีสัดส่วนและ การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

 

นายรณรงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศปี 2564 มีมูลค่า 17.09 ล้านล้านบาท ไทยพึ่งพาการขนส่งทางเรือเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 67.2 % ของมูลค่าการค้ารวมของไทย เติบโต 28.8% สินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และชิ้นส่วนรถยนต์ รองลงมา คือ การขนส่งทางอากาศ คิดเป็นสัดส่วน 21.7% เติบโต13.3% สินค้าสำคัญ ได้แก่ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสาร การขนส่งทางถนน คิดเป็นสัดส่วน 10.9% เติบโต 32.7% สินค้าสำคัญ

 

ได้แก่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์บันทึกเทป และยางธรรมชาติ และการขนส่งทางราง คิดเป็นสัดส่วน 0.1% เติบโต 34.8% สินค้าสำคัญ ได้แก่ ยางสังเคราะห์ ยางธรรมชาติ และแผ่นไม้อัด โดยมีตลาดที่สำคัญ คือ จีน เป็นอันดับหนึ่งในทุกรูปแบบการขนส่ง

 

ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกรวมจากไทยไปจีนทางถนน เติบโต 62.9% คาดว่าค่าระวางเรือที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้การส่งออกผลไม้ และพืชผัก มีการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (Shift Mode) มาใช้ทางถนนผ่านแดนมากขึ้น ด้วยระยะเวลาในการขนส่งที่สะดวกกว่า และอัตราค่าบริการที่มีความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อเทียบกับการขนส่งรูปแบบอื่น โดยเฉพาะพิกัด 0810 สินค้าผลไม้สดอื่นๆ เช่น ทุเรียน ที่มูลค่าการส่งออกทางถนนเพิ่มขึ้น 164.3% และมีสัดส่วนการส่งออกทางถนน 65.2% จากเดิม47.4% และพิกัด 0804 สินค้าผลไม้สดหรือแห้ง เช่น มะม่วง ฝรั่ง มังคุด สับปะรด

 

ที่มูลค่าการส่งออกทางถนนเพิ่มขึ้น 73.6% และมีสัดส่วนการส่งออกทางถนน 92.2 % จากเดิม 72.3% โดยเฉพาะเส้นทางด่านศุลกากรนครพนม และเชียงของ นอกจากสินค้าผักและผลไม้แล้ว ยังมีสินค้าจำพวกเครื่องประมวลผล ส่วนประกอบเครื่องจักร และวงจรพิมพ์ ที่มีการลดสัดส่วนการขนส่งทางเรือและทางอากาศ มาใช้ทางถนนเช่นกัน จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ คาดการณ์ว่าการค้าผ่านแดนจากไทยไปจีนในปี 2565 น่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงบวกต่อการขนส่งทางถนน ทั้งการเริ่มเปิดด่านทางบกของจีน ได้แก่ โม่ฮาน โหยวอี้กวน รถไฟผิงเสียง และตงซิง และรถไฟลาว-จีนความเร็วสูง คาดว่าจะขนส่งได้สะดวกมากขึ้นกลางปี 2565

 

ปัจจุบันภาคโลจิสติกส์ของไทยมีศักยภาพสูงขึ้น และยังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในปี 2565 ตามการฟื้นตัวของการบริโภค โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้สดจากไทยไปจีน จำพวกทุเรียน มังคุด และลำไย ซึ่งเป็นโอกาสของการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ด้วย สำหรับภาครัฐจะต้องร่วมมือกันเร่งผลักดันการใช้ประโยชน์รถไฟจีน-ลาว เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการส่งออกของไทย

 

กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโลจิสติกส์ควบคู่กับการพัฒนาการค้า โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ให้ติดตามสถานการณ์โลจิสติกส์อย่างใกล้ชิด และหยิบยกประเด็นสำคัญเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ได้อย่างทันท่วงที

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง