รพ.วิมุต ฉลองครบรอบ 4 ปี ลุยเปิดศูนย์สุขภาพปอดวิมุต หลังโรคระบบทางเดินหายใจพุ่งต่อเนื่อง

โรงพยาบาลวิมุต ฉลองครบรอบ 4 ปีแห่งความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจทุกการรักษา ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี” เดินหน้าตอกย้ำการเป็น “Smart Healthcare” โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยกลยุทธ์ B.E.S.Tลุยส่งมอบ ‘ความเป็นที่สุด’ ของประสบการณ์ด้านสุขภาพให้แก่ผู้ใช้บริการ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยมายกระดับการดูแลสุขภาพควบคู่กับการพัฒนาเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) เพื่อรองรับโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5ที่รุนแรงทุกปี โดยกรุงเทพฯ ติดอันดับ 8 เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก และไทยตรวจพบระดับฝุ่นอันตรายใน 58 จาก 77 จังหวัด รพ.วิมุตจึงเปิดตัว“ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต” เร่งดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจแบบครอบคลุม พร้อมพลิกโฉมการวินิจฉัยโรคปอดด้วยเทคโนโลยี EBUSที่ให้ผลแม่นยำ เจ็บตัวน้อย และฟื้นตัวเร็ว รองรับภัยสุขภาพจากมลพิษและโรคระบบทางเดินหายใจที่กำลังทวีความรุนแรงในสังคมไทย โรงพยาบาลวิมุต มั่นใจว่าการให้บริการสุขภาพที่ครอบคลุมทุกมิติด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและนวัตกรรม
ล้ำสมัย พร้อมการเปิดศูนย์แห่งความเป็นเลิศที่รองรับเทรนด์สุขภาพโลก จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 ตั้งเป้าโตต่อ 40%
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "ในโอกาสครบรอบ4ปีของโรงพยาบาลวิมุตเรายังคงยึดมั่นในพันธกิจการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยการพัฒนาบริการที่เข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ้งไปจนถึงการจัดตั้งทีมแพทย์เฉพาะทางแบบสหสาขาวิชาเพื่อตอบโจทย์การรักษาโรคซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ ตลอดจนตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพเร่งด่วนของสังคมเรามุ่งเป็น'โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่' ที่ก้าวล้ำนำเมกะเทรนด์สุขภาพในระยะยาวทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและการเพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังจากข้อมูลของReport Linker คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมสุขภาพไทยจะเติบโต5.3%ต่อปีจากมูลค่า679,600ล้านบาทในปี2568สู่มูลค่ากว่า880,500ล้านบาทภายในปี2573 รพ. วิมุต พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศเราจะเดินหน้าต่อในฐานะ‘พันธมิตรด้านสุขภาพที่ทุกครอบครัวไว้ใจ’ โดยผลการดำเนินงานปี2567 มีรายได้รวม1,203 ล้านบาทเติบโต35% และในปี2568 เป้าหมายการเติบโตต่ออีก40%”
ท่ามกลางความท้าทายด้านสุขภาพที่ซับซ้อนและเร่งด่วนในปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุตยึดมั่นในหลักคิดว่าระบบสุขภาพไทยจะต้องมีความเข้มแข็งพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเพราะสุขภาพของประชากร เกี่ยวพันกับเศรษฐกิจสภาพแวดล้อมและโครงสร้างสังคมโดยรวมตามยุทธศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ปี2568-2571 และข้อมูลจากสสส. สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะPM2.5โดยกรุงเทพฯติดอันดับ8 เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจที่คร่าชีวิตผู้คนระดับโลกกว่า7 ล้านรายต่อปีขณะเดียวกันบุหรี่ไฟฟ้าก็แพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชนไทยอย่างน่ากังวลแม้จะมีงานวิจัยชี้ถึงอันตรายจากนิโคตินและสารก่อมะเร็งมากมายซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโลกที่พบว่าการสูบบุหรี่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 8 ล้านรายทุกปีควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างเบาหวานหัวใจและมะเร็งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปรวมถึงปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่นและกลุ่มแรงงานหลังวิกฤตโควิด-19 ขณะเดียวกันการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ก็จำเป็นต้องมีระบบดูแลแบบองค์รวมในระยะยาวทั้งยังมีภัยคุกคามจากโรคอุบัติใหม่และการดื้อยาปฏิชีวนะตลอดจนช่องว่างในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงปัญหาที่ต้องแก้ไขแต่คือโจทย์ที่ภาครัฐภาคเอกชนและภาคประชาชนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อออกแบบระบบสุขภาพของไทยให้มีความยืดหยุ่นเข้าถึงง่ายและยั่งยืน
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า“ตลอด4 ปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลวิมุตเร่งสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันโรคการรักษาฟื้นฟูสุขภาพไปจนถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาวภายใต้หลัก3 ประการคือ1. ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ที่ทำงานร่วมกันแบบสหสาขาวิชา2. การดูแลครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยที่ตรงจุดไปจนถึงการรักษาที่ปลอดภัยและ 3. ความรวดเร็วในทุกกระบวนการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่สะดวกและลื่นไหลในอนาคต รพ. วิมุตพร้อมเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์B.E.S.Tที่มุ่งส่งมอบ'ความเป็นที่สุด' ของประสบการณ์ด้านสุขภาพผ่านB- Beyond Technologyเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์จริงE- Expertise with Heartทีมแพทย์เฉพาะทางที่เข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ้งS-Smart Service Experienceบริการอัจฉริยะที่เชื่อมต่อไร้รอยต่อและT-Trust & Transparencyความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้เพื่อก้าวสู่การเป็น'โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่' ที่พร้อมนำพาไทยสู่ยุคSmart Healthcare อย่างแท้จริง
อีกหนึ่งพันธกิจสำคัญของรพ. วิมุต คือการตอบสนองต่อเทรนด์สุขภาพโลกเราได้นำแนวโน้มสุขภาพโลกและในเมืองไทยมาพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อตอบโจทย์โรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนโดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 400,000 รายต่อปีส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจถึง 1.6 ล้านล้านบาทหรือ 9.7% ของGDP ประเทศวิมุตจึงพัฒนาศูนย์ดูแลNCDs แบบครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดระบบทางเดินหายใจระบบทางเดินอาหารและตับสมองเบาหวานกระดูกและการดูแลผู้สูงอายุซึ่งเป็นโจทย์สำคัญของสังคมไทยในปัจจุบันโดยการเปิด'ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต' ในวันนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อวิกฤตมลพิษและโรคระบบทางเดินหายใจที่กำลังทวีความรุนแรงเพราะโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคโควิด-19, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง นับเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตหลักของผู้คนทั่วโลกการเปิดศูนย์สุขภาพปอดวิมุต จึงสะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการดูแลสุขภาพที่สอดรับเมกะเทรนด์โลกอย่างแท้จริง”
ผศ.นพ.วิรัชตั้งสุจริตวิจิตรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตโรงพยาบาลวิมุตเล่าถึงความท้าทายเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจและแนวทางการรักษาแบบองค์รวมในปัจจุบัน ว่า “ปัจจุบัน โรคระบบทางเดินหายใจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบระยะยาวทั้งจากเชื้อไวรัสอย่างโควิด-19 ที่ยังพบผู้ป่วยใหม่กว่า 41,000 รายในปีนี้ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรุนแรงในเด็กและผู้สูงอายุกว่า 322,000 รายและRSV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะเดียวกันปัญหาฝุ่นPM2.5 ยังคงเป็น'ภัยเงียบ' ที่แทรกซึมเข้าสู่ถุงลมปอดและกระแสเลือดได้โดยตรงก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและเชื่อมโยงกับโรคหอบหืดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโรคหัวใจและมะเร็งปอดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงตามข้อมูลWHO มลพิษทางอากาศคร่าชีวิตผู้คนกว่า 7 ล้านรายต่อปีทั่วโลกทำให้การมีระบบคัดกรองเฝ้าระวังและสร้างความตระหนักรู้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง”
“ศูนย์สุขภาพปอดวิมุตมีแนวทางการดูแลครอบคลุมตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงด้วยการตรวจสมรรถภาพปอด (Lung Function Test),การตรวจหลอดลมด้วยกล้อง (Bronchoscopy)ไปจนถึงการวินิจฉัยและรักษาโรคซับซ้อนอย่างมะเร็งปอดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือการบริการแบบคลอบคลุมในทุกมิติการวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็วโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีEBUS (Endobronchial Ultrasound)มาใช้เพื่อช่วยการวินิจฉัยโรคซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตรวจชิ้นเนื้อปอดและจากต่อมน้ำเหลืองในช่องอกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อยฟื้นตัวเร็วและได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องสำหรับการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด"ผศ.นพ.วิรัช อธิบาย
ศูนย์สุขภาพปอดวิมุตดำเนินการภายใต้แนวคิดCHEST (Collaborated–Holistic–Excellence–Systematic–Treatments)ที่มุ่งเน้นการวินิจฉัยและการรักษาที่รวดเร็วฟื้นฟูไวและครอบคลุมทุกมิติสุขภาพปอดผ่านการร่วมมือของแพทย์ที่ทำงานแบบสหสาขาวิชาเพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะรายในผู้ป่วยที่มีภาวะเรื้อรังหรือซับซ้อนและเชื่อมโยงการรักษาแบบไร้รอยต่อตลอดจนการใช้อุปกรณ์มาตรฐานสูงและการประเมินผู้ป่วยอย่างเป็นระบบมอบการรักษาที่ครอบคลุมทั้งทางการแพทย์และการฟื้นฟูด้วยพฤติกรรมบำบัดเพราะรพ. วิมุต เชื่อว่าการดูแลโรคทางเดินหายใจต้องเน้นการตรวจเชิงรุกการเข้าใจโรคอย่างลึกซึ้ง และการติดตามระยะยาวไม่ใช่เพียงการรักษาเมื่อมีอาการเท่านั้น
ในฐานะ“โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่” โรงพยาบาลวิมุต ให้ความสำคัญกับการวางรากฐานระบบสุขภาพที่มีความยั่งยืน (Sustainable Healthcare) ทั้งในมิติของคุณภาพการรักษาการเข้าถึงของประชาชนและการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ“ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต”แห่งใหม่ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาระบบทางเดินหายใจในสังคมไทยอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การป้องกันการวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีระดับสูงอย่างEBUS ไปจนถึงการฟื้นฟูที่เน้นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาวเพราะ รพ. วิมุต ตั้งใจส่งมอบ“คุณภาพที่จับต้องได้”ด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม ให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพภายใต้มาตรฐานสากล ในการก้าวสู่ ปีที่ 5รพ. วิมุตเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนระบบสุขภาพที่ดีและอยู่เคียงข้างสังคมไทยเพื่อก้าวข้ามทุกความท้าทายด้านสุขภาพ