รีเซต

กต.บรรยายสรุปแก่คณะทูต ประณามกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่

กต.บรรยายสรุปแก่คณะทูต ประณามกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่
TNN ช่อง16
15 สิงหาคม 2568 ( 16:05 )
9

ช่วงเช้าวันนี้ (15 สิงหาคม) กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ต่อเอกอัครราชทูต อุปทูตรักษาการชั่วคราว ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และองค์การระหว่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วม 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ
เป็นกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา โดยย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ไม่ใช่เพียงเพราะประเด็นด้านความมั่นคง แต่ยังเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการด้วยความเร่งด่วนที่สุด เพราะชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นพื้นที่เดียวที่ยังคงได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดดังกล่าว และประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee หรือ GBC ไทย-กัมพูชา) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4–7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว แม้จะมีผลลัพธ์เชิงบวกจาการประชุมดังกล่าวในการหยุดหยิงอย่างเคร่งครัด งดการเสริมกำลังและงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารและการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด 


แต่ประเทศไทยมีความเสียใจที่กัมพูชา ไม่ได้ยอมรับข้อเสนอของไทย ในการบรรจุประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เป็นหนึ่งใน ผลลัพธ์หลักของการประชุม GBC

ในการบรรยายสรุปนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่ประเทศจีน ได้กล่าวผ่านวิดีทัศน์ให้กับกลุ่มคณะทูต ยืนยันว่า ประเทศไทยได้ยึดมั่นในพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ ซึ่งกว่า 20 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ไทยได้กอบกู้ และส่งคืนพื้นที่มีการวางทุ่นระเบิดกว่าร้อยละ 99 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร กลับคืนสู่ชุมชนไทย 

อีกทั้งได้ดำเนินการ และยังคงให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากทุ่นระเบิด เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและปกติสุข และยังมีความพยายามร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากทุ่นระเบิดที่ได้รุดหน้าไปมาก จึงเป็นเหตุผลที่เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงสร้างความสะเทือนขวัญอย่างมาก และไม่ควรมีพื้นที่หรือเหตุผลใด ๆ ในการใช้อาวุธชนิดนี้อีกต่อไปนายมาริษ ยังกล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้มีการตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้โดยสมบูรณ์ แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ไม่ถึง 5 วันหลังจากการประชุมฯ ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดอีก 2 ครั้ง 


โดยหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา นายมาริษ ยังย้ำว่า เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า กัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย ดังนั้น ประเทศไทยจึงขอประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุด เพราะการกระทำเหล่านี้ บ่อนทำลายความสมบูรณ์ของอนุสัญญาออตตาวา และเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567


นายมาริษ ยังระบุว่า การกระทำของกัมพูชาเหล่านี้ ยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหลักการที่ตนเชื่อว่าคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีฯ ในที่นี้ยึดมั่นอยู่ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยด้วยว่า เพื่อเป็นการขยายผลจากการบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย ได้เชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต เข้าร่วมการเยี่ยมพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) เพื่อสังเกตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชาโดยจะไปเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ภูมิประเทศที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะมีโอกาสเห็นด้วยตนเอง ถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้นจะเยี่ยมชมบ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธโดยกัมพูชา

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังหวังว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้จะช่วยให้ได้เห็นข้อเท็จจริง และตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรม และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือและประเทศที่ได้รับผลกระทบ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดภัยคุกคามจากทุ่นระเบิด การคุ้มครองความปลอดภัยของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และการสร้างโอกาสเพื่อความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาของประชาชนในพื้นที่

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ย้ำย้อนถึงผลการประชุม GBC ที่ผ่านมาที่ ทั้งไทย-กัมพูชาเห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และยังเห็นพ้องที่จะจัดตั้ง “คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว” (Interim Observer Team หรือ IOT) ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำอยู่ ณ กัมพูชา และประเทศไทย ซึ่งจะถูกจัดตั้งแยก และปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระในแต่ละประเทศ เพื่อสังเกตการณ์การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ข้ามแดน และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee หรือ RBC) 


และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปของแต่ละประเทศ และทั้งไทย-กัมพูชา ยังเห็นพ้องที่จะรักษาช่องทางการสื่อสาร และใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ทุกช่องทางเพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์ใด ๆ บานปลาย รวมทั้งจะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค หรือ RBC ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้ (15 ส.ค.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง