โดรนไร้แบตเตอรี่ เทคโนโลยีสะอาด บินได้จริงด้วยแสงอาทิตย์ 100%

คู่พ่อลูกชาวต่างชาติ ลุค เบลล์ (Luke Bell) และ ไมค์ เบลล์ (Mike Bell) เจ้าของสถิติโลกในการพัฒนา “โดรนสี่ใบพัดเร็วที่สุดในโลก (World’s Fastest Quadcopter)” จากโครงการ เพเรกริน (Peregrine) กลับมาอีกครั้ง พร้อมแนวคิดใหม่ในการสร้าง “โดรนที่บินได้โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่” ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

โดยแนวคิดนี้เกิดจากคำถามที่เรียบง่ายแต่ท้าทายว่า “หากไม่ต้องชาร์จไฟเลย โดรนจะบินได้ยาวนานแค่ไหน?” ผลลัพธ์คืออากาศยานมัลติคอปเตอร์ที่สามารถบินต่อเนื่องตราบเท่าที่มีแสงอาทิตย์ตกกระทบ

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

โครงสร้างเบาใช้แผงโซลาร์เซลล์ 27 แผ่น

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

โดรนรุ่นใหม่นี้ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์รูปตัวเอ็กซ์ (Carbon Fiber X-Frame) น้ำหนักเบา ติดตั้งมอเตอร์ แอนตี้กราวิตี (Antigravity Motors) และใบพัดคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 18 นิ้วจาก ที-มอเตอร์ (T-Motor) พร้อมกล้อง POV สำหรับส่งภาพเข้าแว่น วีอาร์ (VR Headset) แบบเรียลไทม์

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

พลังงานมาจาก แผงโซลาร์เซลล์จำนวน 27 แผ่น (27 Solar Panels) เชื่อมต่อแบบอนุกรม ให้กำลังรวมราว 150 วัตต์ แม้จะเปราะบางและแตกง่าย แต่เพียงพอให้โดรนลอยตัวและบินได้โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือคาปาซิเตอร์แม้แต่ชิ้นเดียว

บินได้จริงด้วยพลังงานสะอาด 100%

ผลการทดสอบภาคสนาม (Field Test) ยืนยันว่าโดรนสามารถบินได้ด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ล้วน ๆ โดยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง ถือเป็นต้นแบบโดรนพลังงานสะอาด (Clean-Energy Drone Prototype) ที่ใช้งานได้จริงในระดับทดลอง

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

แม้ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่โครงการนี้แสดงให้เห็นทิศทางใหม่ของเทคโนโลยี “อากาศยานไร้คนขับพลังแสงอาทิตย์ (Solar-Powered UAVs)” ที่อาจต่อยอดสู่ภารกิจตรวจอากาศ เกษตรอัจฉริยะ หรือการสำรวจพื้นที่ห่างไกลในอนาคต

จากความเร็วสู่ความยั่งยืน

ก่อนหน้านี้ ทีมเบลล์ (Bell Team) เคยสร้างชื่อด้วย เพเรกริน 3 (Peregrine 3) โดรนที่ทำความเร็วสูงสุดถึง 585 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคว้าสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Record) ที่ดูไบ (Dubai) แต่ครั้งนี้พวกเขาเลือกพิสูจน์อีกมุมหนึ่งว่า “พลังงานสะอาด” ก็สามารถยกระดับนวัตกรรมการบินได้ไม่แพ้ความเร็ว

ที่มาของภาพ
Luke Maximo Bell

โดย ลุค เบลล์ (Luke Bell) กล่าวว่า “นี่คือการทดลองเชิงวิศวกรรมที่ตั้งคำถามกับขีดจำกัดของเทคโนโลยี”