ไบเดน ลุยฉีดวัคซีนโควิดชาวมะกัน 19 เม.ย.นี้
ข่าววันนี้ 7 เมษายน 2564 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ทุกคนที่มีสิทธิ์ได้รับ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนนี้เป็นต้นไป แต่เตือนว่า การระบาดอย่างรวดเร็วของโควิดกลายพันธุ์ ทำให้สหรัฐฯ ยังต้องแข่งกับ “ความเป็นความตาย” จากไวรัสร้ายอยู่เหมือนเดิม
ไบเดน สั่งให้รัฐต่าง ๆ ขยายเป้าหมายการฉีดวัคซีนไปยังประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปภายในวันที่ 19 เมษายนนี้ เร็วกว่าแผนเดิมที่ไบเดนประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะมีการแจกจ่ายวัคซีนให้ทั่วถึงในวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 2 สัปดาห์
และยังเป็นการแสดงความมั่นใจเกี่ยวกับปริมาณวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาได้ หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ไบเดน กล่าวว่า ราว 90% ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่น่าจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนภายในวันที่ 19 เมษายน แต่วัคซีนโควิดไม่ได้อนุญาตฉีดให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี แม้ว่ากำลังทำการทดสอบอยู่
อย่างไรก็ตาม การสำรวจความคิดเห็นในสหรัฐฯ พบว่า ประชาชนวัยผู้ใหญ่ราว 20% กล่าวว่า ตนจะปฏิเสธการรับวัคซีนด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป โดยบางคนบอกว่า ไม่เห็นความจำเป็น ขณะที่บางคนมองว่า การรับวัคซีนอาจเป็นอันตรายมากกว่า และบางคนแสดงความไม่เชื่อใจในโครงการวัคซีนของรัฐบาล
แต่สถิติการต่อต้านการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ นั้นกลับลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้รับวัคซีนแล้วจำนวนมากยืนยันว่าไม่มีอาการข้างเคียงจากการฉีดยา หรือมีอาการเล็กน้อยที่หายไปเองภายใน 1-2 วัน
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันกว่า 62 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 23% ขณะที่ ประชาชนกว่า 107 ล้านคนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส จากทั้งหมด 2 โดสที่พัฒนาโดยบริษัทยา ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) หรือบริษัท โมเดอร์นา (Moderna) โดยมีประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับวัคซีนของ จอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งต้องฉีดเพียงเข็มเดียว
ไบเดน กล่าวที่ทำเนียบขาวด้วยว่า ครูและเจ้าหน้าที่สถานการศึกษามากกว่า 80% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า โควิดกลายพันธุ์กำลังระบาดอย่างรวดเร็วและตัวเลขผู้ติดเชื้อก็เพิ่มสูงขึ้น ไบเดนบอกว่า เราไม่ได้อยู่บนเส้นชัย ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก เรายังต้องแข่งกับ “ความเป็นความตายอยู่” ไม่เกินวันที่ 19 เมษายนนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีน
—————
ภาพ: Reuters