รีเซต

หลักฐานภาพถ่ายทางอากาศปี 19 ชัด ไม่พบทำประโยชน์หาดคลองสน กระบี่ จ่อเอาผิดจนท.รัฐ-ผู้นำชุมชน

หลักฐานภาพถ่ายทางอากาศปี 19 ชัด ไม่พบทำประโยชน์หาดคลองสน กระบี่ จ่อเอาผิดจนท.รัฐ-ผู้นำชุมชน
มติชน
11 มีนาคม 2565 ( 14:18 )
62

กรณีการตรวจสอบการบุกรุกหาดคลองสนในพื้นที่ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ซึ่งก่อนหน้านี้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำการบินสำรวจพบว่ามีพื้นที่ 8 ไร่เศษหน้าหาดคลองสนถูกแผ้วถางซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานฯ ที่เคยมีการตรวจยึดการบุกรุกเนื้อที่ 125 ไร่เมื่อปี 2546 จึงสั่งการให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีเข้าไปตรวจสอบและแจ้งความไว้ที่สภ.อ่าวนางเพื่อดำเนินการหาผู้กระทำความผิด

 

ต่อมาตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่านอกจากที่ดิน 8 ไร่ที่ถูกแผ้วถางแล้วยังมีที่ดินอีกหลายแปลงหน้าหาดถูกเข้าครอบครองโดยเอกชน อ้างมีเอกสารสิทธิเป็น นส. 3ก ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในที่ดินแปลงที่เคยตรวจยึดทั้งหมด ทำให้หลายหน่วยงานให้ความสนใจเข้ามาร่วมตรวจสอบพื้นที่หน้าหาดทั้งหมดว่าเอกชนที่เข้าครอบครองได้เอกสารสิทธิมาอย่างไร ออกมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยทางตำรวจบก.ปปป. จะเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วยเพื่อดูว่ามีจนท.รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิหรือไม่

 

ความคืบหน้าเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.กระบี่ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 65 ที่ห้องประชุมที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ อ.เมืองกระบี่ พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร เสธนาธิการกองทัพภาคที่ 4 เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ที่ดิน พนักงานสอบสวน สืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เจ้าพนักงานอัยการ หน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่บริเวณหาดคลองสน รวมพื้นที่ กว่า 125 ไร่

 

หลังจากตรวจสอบพบว่าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้มีการตรวจยึดพื้นที่ไว้ ตั้งแต่ ปี 2546 แต่คดีไม่คืบหน้า ล่าสุดพบการตัดโค่นต้นไม้ ปรับพื้นที่ รวม พื้นที่ 8 ไร่ มีหลักฐานครอบครอง เป็น นส.3ก รวบ 3 ฉบับ ฉบับละ 2 ไร่ ออกเมื่อปี 2528 ผู้ครอบครองเป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่

 

และจาการตรวจสอบสอบสวนเอกสาร พยานบุคคล เชื่อว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง ออกหลักฐานการครอบครอง เป็น นส.3 ก รวมกว่า 30 แปลง มาตั้งแต่ ปี 2528 เชื่อว่าเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่แต่ละแปลง เป็นรูป 4 เหลี่ยม ผิดลักษณะการครอบครองพื้นที่ทั่วไป เอกสาร สค.1 หลายแปลงมีการแจ้งหาย แล้วขอคัดลอกใหม่ นำมาขอออกหลักฐานและการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อปี 2519 พบว่า ไม่มีการทำประโยชน์ในพื้นที่ สภาพเป็นพื้นที่ป่าทุกแปลง

 

โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการชุดตรวจสอบได้รวบรวมหลักฐาน เอกสาร คำขอการ ออกหลักฐานจากสำนักงานที่ดิน จ.กระบี่ สอบปากคำพยานบุคคล การยื่นขอออกหลักฐาน จาก สค.1 เป็น นส.3ก ทุกแปลงแล้วเสร็จ รอเพียงภาพถ่ายทางอากาศของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกอบการยื่นขอเพิกถอนเอกสารทุกแปลงต่ออธิบดีกรมที่ดิน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง