รีเซต

ถึงเวลา “รถบินได้” สยายปีกในแดนมังกร (1)

ถึงเวลา “รถบินได้” สยายปีกในแดนมังกร (1)
TNN ช่อง16
19 พฤศจิกายน 2568 ( 17:18 )
2

ทุกวันนี้ เวลาไปส่องอุตสาหกรรม “ดาวรุ่ง” ในจีน “รถบินได้” (Flying Car) มักทะยานขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้า อนาคตของรถบินได้จะเป็นอย่างไร เราตามไปส่องกันครับ ...

สำหรับผมแล้ว พัฒนาการของอุตสาหกรรม “รถบินได้” ของจีนดำเนินไปอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีหลัง หากมองย้อนกลับไป เราอาจเห็นการพัฒนา “โดรน” (Drone) ที่ซ่อนอยู่ในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การบินและอวกาศ และอาจเปลี่ยนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งเป็น 2 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้นโยบาย Made in China 2025 ที่ประกาศขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2015 เป็นพื้นฐานสำคัญ

ลองคิดดูว่า ในแต่ละวัน จีนมีพัสดุภัณฑ์ที่ต้องจัดส่งมากกว่า 500 ล้านชิ้นทั่วประเทศ นั่นหมายความว่า จีนมีภารกิจต้องจัดส่งด่วนเกือบ 6,000 ชิ้นต่อวินาที จีนสามารถรักษาสถานะการเป็น “ตลาดส่งด่วน” ที่ใหญ่สุดในโลกตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่

ปริมาณการส่งพัสดุภัณฑ์ด่วนเพิ่มจาก 14,000 ล้านชิ้นเป็นถึง 174,500 ล้านชิ้นในระหว่างปี 2014-2024 พร้อมกับการลดลงของค่าใช้จ่ายในการจัดส่งจากกว่า 14 หยวนเหลือ 8 หยวนต่อชิ้น 

อุตสาหกรรมได้ถูกเปลี่ยนจากการดำเนินงานที่มีลักษณะ “แรงงานเข้มข้น” เป็น “เทคโนโลยีเข้มข้น” ที่กระบวนการรับส่งตลอดเส้นทางมีความเป็นอัตโนมัติสูง โดยรถไร้คนขับ โดรน การจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะ และอื่นๆ ล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้บริการเหล่านั้น “ก้าวกระโดด” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

จึงไม่น่าแปลกใจที่ระบบโลจิสติกส์ของจีนในปัจจุบันสามารถรองรับความต้องการในการส่งพัสดุด่วนในช่วงพีกของเทศกาล “คนโสด” (Double 11) ในปี 2025 ที่มีจำนวนถึง 13,940 ล้านชิ้นได้

นอกจากนี้ กิจการส่งด่วนของจีนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ZTO Express, J&T Express, YTO Express และ Yunda Express ยังพยายามขยายความสำเร็จเหล่านั้นผ่านบริการสาธารณะและแบบเฉพาะเจาะจงไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาตามแนวหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนขอบข่ายของอุตสาหกรรมนี้ได้ขยายใหญ่และชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า ในปี 2023 คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เริ่มหยิบยก “เศรษฐกิจระดับการบินต่ำ” (Low-Altitude Economy) ที่ต่ำกว่า 1,000 เมตร ขึ้นมาเป็นวาระการประชุม 

และต่อมา เรื่องนี้ก็ถูกระบุว่าเป็น “เครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่” (New Growth Engine) ในรายงานการทำงานของรัฐบาล (Government Work Report) ประจำปี 2024 ตามมาด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องในหัวเมืองหลักทั้งระบบนิเวศ พร้อมกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการเอกชนที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ

เท่านั้นไม่พอ “เศรษฐกิจระดับการบินต่ำ” ยังได้รับ “แรงเสริม” จากการพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ AI+ ของจีน ทำให้มีความล้ำสมัยและเพิ่มมิติเชิงบวก ทั้งด้านระดับการบิน ความเร็ว ความแม่นยำ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มากกว่า

ประการสำคัญ “เศรษฐกิจระดับการบินต่ำ” ถูกกำหนดเป็น “นโยบายใหม่” ที่จีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคฯ เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา และจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้แผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 (2026-2030) 

สัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนนี้ส่งผลให้กิจการที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมมั่นใจต่อโอกาสและศักยภาพทางธุรกิจในระยะยาวเป็นอย่างมาก เราจึงเห็นการเปิดตัวและทดสอบทดลอง “รถบินได้” เกิดขึ้นเฉลี่ยแทบทุกเดือนในระยะหลัง

ยิ่งในปี 2025 ผมก็สังเกตเห็นการเปิดตัว “รถบินได้” หลากหลายรูปแบบและยี่ห้อในงานแสดงสินค้าสำคัญของจีนอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งงาน Shanghai Auto 2025 ช่วงปลายเดือนเมษายนต่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา และในงาน China International Import Expo (CIIE) 2005 งานแสดงสินค้านำเข้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 5-10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ นครเซี่ยงไฮ้

ภายในงาน CIIE 2025 มีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการจัดแสดงอุตสาหกรรม “รถบินได้” และได้รับความสนใจอย่างมาก สถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้ได้นำเสนอว่า Vertaxi บริษัทท่องเที่ยวระดับการบินต่ำของจีนได้จัดตั้ง “Vertiport” จำลองเพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสกับกระบวนการเต็มรูปแบบของบริการ “แท็กซี่อากาศ” ตั้งแต่การสแกนคิวอาร์โค้ดไปจนถึงการขึ้นเครื่องบิน โดยบริการระหว่างย่านหงเฉียวกับผู่ตงใช้เวลาราว 10 นาที และมีสนนราคาอยู่เพียง 59 หยวน

ท่านที่เคยไปงาน CIIE จะทราบดีว่า การเดินทางในระหว่างวันงานในเส้นทางดังกล่าวโดยรถยนต์อาจต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้น หาก “แท็กซี่อากาศ” เปิดให้บริการเมื่อไหร่ ผมก็เชื่อมั่นว่าจะมีลูกค้าต่อคิวใช้บริการกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเป็นแน่

ขณะเดียวกัน นักข่าวสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้ยังได้ทดลองใช้บริการ “แท็กซี่อากาศ” ที่มีคนขับรุ่นล่าสุดของบริษัท M1 จำกัด และอธิบายว่า ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางและสะดวกสบายอย่างน่าประหลาดใจ โดยห้องโดยสารดังกล่าวมี 5 ที่นั่งที่ออกแบบไว้อย่างบางเฉียบขนาด 7 เซ็นติเมตรเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา และสามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วได้อย่างน้อย 5 ใบ

ขณะที่การเดินทางจากศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติไปยังทะเลสาบหยางเฉิง (Yangcheng) แหล่งเพาะเลี้ยง “ปูขน” หรือ “ปูจักรพรรดิ” ในมณฑลเจียงซู (ใกล้เซี่ยงไฮ้) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเมื่อเทียบกับหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นโดยทางรถยนต์

บริษัทแท๊กซี่อากาศประมาณการว่า ค่าโดยสารในช่วงแรกจะสูงกว่าของแท๊กซี่ทั่วไปเล็กน้อย แต่จะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเส้นทางได้รับการขยายวง โดยในชั้นนี้ จะเริ่มต้นที่ประมาณ 50 หยวนสำหรับการเดินทางในชุมชนเมืองระยะสั้น และ 100 หยวนสำหรับเส้นทางระหว่างเมือง

นอกจากนี้ ภายในงาน CIIE 2025 ยังจัดแสดง E20 eVTOL (ย่อมาจาก Electric Vertical Takeoff and Landing Aircraft) ซึ่งเป็นเครื่องบินไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ขึ้นลงในแนวดิ่งและสามารถบินได้ไกลถึง 200 กิโลเมตรด้วยความเร็ว 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ข้อมูลยังระบุว่า เครื่องบินรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบรรทุกนักบิน 1 คนและผู้โดยสาร 4 คน นอกจากนี้ บริษัทยังให้ข้อมูลว่า ค่าบริการ “แท๊กซี่อากาศ” ในการเดินทางระยะทาง 100 กิโลเมตรจะมีราคาใกล้เคียงกับบริการรถแท๊กซี่

มีกิจการรายไหนอีกที่น่าสนใจ คุยกันต่อตอนหน้าครับ ...

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง