รีเซต

SCB ราคาดีดขึ้น โบรกฯ มองจ่ายปันผลสูงกว่าคาด-ประเมินกำไรปีนี้โต

SCB ราคาดีดขึ้น โบรกฯ มองจ่ายปันผลสูงกว่าคาด-ประเมินกำไรปีนี้โต
ทันหุ้น
27 กุมภาพันธ์ 2566 ( 10:55 )
23
SCB ราคาดีดขึ้น โบรกฯ มองจ่ายปันผลสูงกว่าคาด-ประเมินกำไรปีนี้โต

#SCB #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ราคาปรับตัวขึ้น 2.46% โบรกเกอร์ระบุเงินปันผลออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งประเมินแนวโน้มกำไรปีนี้เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจ

 

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SCB อยู่ที่ 104 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 2.46% ระหว่างวันราคาปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 105 บาท และลงมาต่ำสุดที่ 103.50 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 1,278.56 ล้านบาท 

 

บล.เอเอสแอล แนะนำซื้อหุ้น SCB โดยให้ราคาเป้าหมายของปี 2566 อยู่ที่ 123.50 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นที่ซื้อขายปัจจุบันอยู่บน PBV ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดในประเทศ ซึ่งมองว่ามี Valuation ที่น่าสนใจ และยัง laggard กลุ่มอยู่มาก เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในระยะกลาง-ยาว ในเชิงกลยุทธ์ SCB ประกอบธุรกิจที่เป็นมากกว่าธนาคารดั้งเดิม พัฒนาการของธุรกิจมีความน่าสนใจ และมองว่า Downside risk เริ่มจำกัด และราคาซื้อขายปัจจุบัน laggard กลุ่มและดัชนีตลาดหุ้นอยู่พอสมควร นอกจากนี้ยังประกาศจ่ายปันผลสูงกว่าที่คาดมาที่ 5.19 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield สูงถึง5.1% (รวมงวดปี 65 จ่ายปันผลทั้งสิ้น 6.69 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield ที่ 6.6%) ขึ้น XD วันที่ 17เม.ย.

 

ฝ่ายวิจัยเอเอสแอล คาดว่า SCB ในปี 2566 จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% ซึ่งมาจาก NII ที่เติบโตตาม port mix ที่เน้น high yield มากขึ้นโดยเฉพาะส่วนของ CardX (Yield>15%) และ AutoX (Yield>20%) ที่จะหนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ดอกเบี้ย ขณะที่ CoF ปรับเพิ่มขึ้นตาม โดยหลักมาจากต้นทุนการปล่อยสินเชื่อสูงขึ้นและเงินน าส่ง FIDF ที่กลับมาสู่ระดับปกติ ด้าน NIM ขยับขึ้นสู่ระดับ 3.5%

 

นอกจากนี้ Non-NII คาดว่าขยายตัว 7.7%YoY จากการกลับมาฟื้นตัวของธุรกิจ wealth และการ crossselling ขยายผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมหนุนการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และCredit cost ที่ระดับ 143 bps ซึ่งมากกว่าเป้าที่ให้มา (120-140 bps) จากการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มที่ high yield มากขึ้นกว่าเดิม ส่วน NPLs ratio อยู่ที่ 3.6% ด้าน NPLs coverage ปรับลงเหลือ 150.5%

 

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/66  มองว่าขยายตัวเด่น QoQ จาก NII ที่ดีขึ้นตามแนวโน้มสินเชื่อที่ยังขยายตัวLoan yield ที่สูงขึ้นและ C/I ที่ลดลง รวมถึงการตั้งส ารองที่ลดลง ขณะที่ YoY ทรงตัวค่อนไปทางบวกเล็กน้อย โดยมีการปรับขึ้นของ CoF เป็นปัจจัยกดดัน

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง