ESSOเล็งทุ่มงบ1.5พันล้าน ขยายปั๊ม-อัพเกรดโรงกลั่น
ทันหุ้น – สู้โควิด –ESSO เล็งทุ่มงบ 1.5 พันล้านบาท ขยายสาขาใหม่-อัพเกรดโรงกลั่น เสริมแกร่งธุกิจเพิ่ม บิ๊ก "อดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย " มองธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เปรยโค้งท้ายฟอร์มสวย อานิสงส์เข้าช่วงไฮซีซัน
ดร.อดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เปิดเผยว่า บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 1.2-1.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสถานีบริการเพิ่มเติมและปรับปรุงศักภาพของโรงกลั่นในช่วงปี 2563-2564 หวังเสริมประสิทธิ์ภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลปัจจุบันพบว่า บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 676 แห่ง เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่มีอยู่ราว 632 แห่ง โดยช่วงที่เหลือปีนี้ยังมีแนวทางขยายสถานีบริการน้ำมันในทำเลต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ตัวเลขสถานีบริการขยับเพิ่มเป็นมากกว่า 700 แห่งในปี 2564
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ ESSO แบ่งเป็น ธุรกิจในกลุ่มโรงกลั่นคิดเป็นตัวเลขราว 70% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30% มาจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและอื่นๆ ภายใต้สถานีบริการน้ำมัน อาทิ ร้านกาแฟ, ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ
*ไตรมาส 4 เข้าไฮซีซัน
ดร. อดิศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในแง่ภาพรวมธุรกิจของ ESSO ปัจจุบันนั้นมองว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ช่วงเมษายน 2563 ที่ผ่านมา (บนพื้นฐานที่จะไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ในเฟสที่ 2 ในประเทศไทย) และจากสำรวจข้อมูลพบว่าแนวโน้มความต้องการน้ำมันปรับตัวดีขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทประเมินว่าแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/2563 น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะโดยปกติแล้วในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีนั้นถือเป็นฤดูกาล (ไฮซีซัน) ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงน่าจะได้ความต้องการขยายตัวต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้การที่ล่าสุดทางคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติขยายระยะเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จากเดิมที่จะสิ่นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นไปจนถึง 31 มกราคม 2564 นั้นบริษัทมองว่าน่าจะถือเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศ และสนับสนุนยอดขายน้ำมันของธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย
*ปรับสัดส่วนการผลิต
สำหรับแนวทางการบริหารงานหลังจากนี้ทาง ESSO ยังมุ่งให้ความสำคัญกับการผันดันให้ธุรกิจเติบโตต่อไปข้างหน้า และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ ให้สามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงในทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งดูแลความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของพนักงาน อีกทั้งจะมีการปรับปรุงประสิทธิ์ภาพของพนักงานเพิ่มเติม ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะเสริมด้วยภารกิจด้านต่างๆ
โดยในส่วนแรกนั้นการเติบโตจากธุรกิจเดิม (Our Growth) โดยการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรสู่ระดับสากล เพื่อขยับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในอนาคตให้ดียี่งขึ้น ซึ่งคงทำควบคู่ไปกับการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการ (Our Win) หวังต่อยอดความชำนาญเฉพาะด้าน้ที่หลากปลายเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการให้โดดเด่น และพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าในอนาคต
ขณะเดียวกันยังรวมถึงการสร้างความภูมิใจ (Our Pride) โดยการสร้างความภูมิใจและความประทับใจในแบรนด์ของ “เอสโซ่ (ESSO)” เพื่อให้อยู่ในใจของลูกค้าทุกคน ซึ่งจากภารกิจต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นทาง ESSO เชื่อน่าจะช่วยประสานกันนำไปสู่วิสัยทัศน์ในการ “เติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหลือกว่า Power Life with Premier Energy Experience.”
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการผลิตของโรงกลั่นเพิ่มเติม หลังเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลให้การเดินทางในรูปแบเครื่องบินน้อยลง และมีผลให้ความต้องการน้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) ลดลงอย่างชัดเจน โดยได้มีการหันมาผลิตน้ำมันดีเซลทดแทน Jet Fuel ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนกำลังผลิตของโรงกลั่นนั้นปรับเปลี่ยนเป็นน้ำมันดีเซลประมาณ 50% ส่วนที่เหลือมาจากน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเตา เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพยิ่งขึ้น